รมว.กลาโหม ย้ำสถานการณ์ชายแดนช่องบกไม่มีทุ่นระเบิดอย่างที่ลือ ชี้ข้อมูลคลาดเคลื่อนสร้างความสับสน – แฉกัมพูชาถอนตัวจากเวทีเจรจา JBC หวังดันข้อพิพาทสู่ศาลโลก ด้านไทยยึดแนวทางสันติวิธี พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 มิ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า ได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 พบว่าข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปในขณะนี้คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข่าวที่ระบุว่ามีการวางทุ่นระเบิด ซึ่งยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และน่าจะเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีต จึงขอให้ทุกฝ่ายใช้ความระมัดระวังในการเผยแพร่ข้อมูล เพราะอาจสร้างความเข้าใจผิดและบั่นทอนความร่วมมือระหว่างประชาชนในพื้นที่
นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวคิดในการปิดด่านบริเวณชายแดนว่า เป็นเพียงแนวทางสำรองในกรณีที่การเจรจาผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นการเสนอตามขั้นตอนตามลำดับ ไม่ได้เป็นมาตรการที่จะดำเนินการทันที
“มีบางพรรคการเมือง โดยเฉพาะกรรมการบริหารและโฆษกพรรคบางคน เผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในโซเชียลมีเดีย สร้างผลกระทบในวงกว้าง จึงขอให้ทุกฝ่ายมีสติ และระมัดระวัง โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้าน ควรยึดหลักความร่วมมือมากกว่าผลประโยชน์ทางการเมือง” นายภูมิธรรมกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ถูกเลื่อน และเหล่าทัพต้อง “รอเก้อ” นายภูมิธรรมชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ได้มีการประชุมสมช.ชุดเล็กไปแล้ว และเตรียมตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนโดยเฉพาะ
“ในส่วนของกลไกการแก้ปัญหา หากจำเป็น สมช.จะเป็นผู้พิจารณาหากต้องมีการปิดด่าน ส่วนกรณีการประกาศกฎอัยการศึก เป็นอำนาจของแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งรู้ขั้นตอนดีอยู่แล้ว” เขากล่าว
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ทับซ้อนความขัดแย้งว่า จุดที่มีการอ้างสิทธิ์ประมาณ 200 เมตร ถือเป็น “โนแมนส์แลนด์” ที่ทั้งสองฝ่ายยังอยู่ระหว่างเจรจา ไม่ใช่การรุกล้ำอย่างเป็นทางการ และยังไม่ถือว่าเป็นการ “บุกแผ่นดินไทย” ตามที่บางฝ่ายกล่าวอ้าง โดยย้ำว่า ไทยยังคงใช้แนวทางสันติวิธีผ่านกลไก JBC อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ นายภูมิธรรมยืนยันว่า การเจรจา JBC ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย. ที่กรุงพนมเปญ และรัฐบาลไทยได้เตรียมการอย่างรอบคอบแล้ว โดยมีกองทัพบก โดยเฉพาะกองกำลังสุรนารี พร้อมตอบสนองทุกสถานการณ์ และได้มีการทำหนังสือประท้วงทุกครั้งที่มีความเคลื่อนไหวข้ามเขตแดน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดรัฐบาลกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ว่าจะไม่เข้าร่วมการเจรจา JBC กับไทย และเตรียมนำข้อขัดแย้งในพื้นที่ 4 แห่ง ได้แก่ ช่องบก, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลก
นายภูมิธรรมกล่าวปิดท้ายว่า การเจรจาควรโฟกัสในประเด็นเฉพาะที่เกิดเหตุ หากปล่อยให้ขยายวงจะยิ่งแก้ยาก และย้ำว่าไทยไม่รับมติของศาลโลกตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 โดยยังยึดหลักเจรจาผ่าน JBC เป็นแนวทางหลัก
“การถล่มรัฐมนตรีหรือรัฐบาลไม่ใช่ประเด็น ตราบใดที่ทุกฝ่ายยังยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ขอเพียงอย่าทำให้เกิดความแตกแยก และอย่าหลงกระแสข่าวปลอมที่บั่นทอนศรัทธาของประชาชน” นายภูมิธรรมทิ้งท้าย
