สมเด็จฮุน เซน ย้ำชัด การเคลื่อนกำลังทหารในพื้นที่พิพาทสามเหลี่ยมมรกตเป็น “การปรับท่าทาง” ไม่ใช่การถอนกำลัง พร้อมเดินหน้าผลักดันข้อพิพาท 4 จุดเข้าสู่ศาลโลก เพื่อความสงบและความยั่งยืนในภูมิภาค
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ว่าสมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับสถานการณ์ที่สามเหลี่ยมมรกต หรือช่องบก ว่า ผู้บัญชาการทหารของกัมพูชาและไทยเห็นชอบร่วมกัน “ปรับกำลังพล” ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย ซึ่งการกระทำเช่นนี้ “เป็นสิ่งจำเป็น”
สมเด็จฮุน เซน ย้ำว่า “การปรับกำลังทหารไม่ใช่การถอนทหารออกจากดินแดนของตนเอง แต่ยังคงอยู่ภายในดินแดนของตนเอง การปรับกำลังทหารเหมือนการนอนบนเตียง ศีรษะจนถึงปลายเท้าของเรายังอยู่บนที่นอน แค่ตอนนี้เรายกหัวศีรษะขึ้นเพื่อปรับท่านอนเท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับดินแดนของเรา ซึ่งยังคงเป็นดินแดนของเรา”
สมเด็จฮุน เซน กล่าวว่า กัมพูชาและไทยไม่ต้องการสงคราม ทั้งสองฝ่ายต้องการสันติภาพอย่างยั่งยืนและแท้จริง การเจรจาตั้งแต่ระดับรัฐบาลไปจนถึงผู้บัญชาการทหารในแนวหน้า นำไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าว คือ “การปรับกำลังพล” บริเวณสามเหลี่ยมมรกต
ขณะเดียวกัน สมเด็จฮุน เซน ยืนยันว่า รัฐบาลกัมพูชาจะเดินหน้าการนำพื้นที่พิพาท 4 แห่ง ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมืองโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มุมไบ เข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ( ไอซีเจ ) หรือศาลโลก ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์
ขณะที่พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวถึงสถานการณ์ที่สามเหลี่ยมมรกต หรือช่องบก ว่าความเคลื่อนไหวล่าสุดของทหารกัมพูชา “เป็นเพียงการปรับกำลังพล” และยืนยันว่า ทหารกัมพูชาในแนวหน้ายังคงปักหลักอยู่ภายในพื้นที่ “ซึ่งอยู่ภายในขอบเขตอำนาจอธิปไตย” ของกัมพูชา เพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ
ด้านนายชุม ซุนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาส่งหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศของไทย เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2568 ขอความร่วมมือจากรัฐบาลไทย ในการนำข้อพิพาทเกี่ยวกับพื้นที่ทั้งสี่แห่ง เข้าสู่กระบวนการของไอซีเจ เพื่อเป็นการหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ.