สมรภูมินิติสงครามทุกพรรคหลัก “ส้ม-แดง-น้ำเงิน” แขวนอยู่บนเส้นด้าย ตายหรือรอดมีโอกาสพอๆ กัน โดยเฉพาะคดีที่มาเร็วปาดแซงทางโค้ง “โยกงบใช้หนี้ 3.5 หมื่นล้านโปะดิจิทัลวอลเล็ต”
โดย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 9 มิ.ย. กรณีกล่าวหา “ครม.เศรษฐา ทวีสิน-ครม.แพทองธาร ชินวัตร-คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 68-สส.-สว.” ร่วมจัดพ.ร.บ.งบประมาณฯ ขอเพิ่มพร้อมเปลี่ยนแปลงงบประมาณ “ใช้หนี้รัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง” 3.5 หมื่นล้านบาท นำไปโปะโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เพื่อกระตุ้นและสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ เข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 144 ที่กำหนดชัดเจนห้ามแปรญัตติเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติม ร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย “เงินส่งใช้ต้นเงินกู้-ดอกเบี้ยเงินกู้-เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย”
ปมตายของสมาชิกรัฐสภา เดินไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญได้ 2 ทาง ทางแรก…ผ่านสมาชิกรัฐสภาแค่ 1 ใน 10 ของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา ตั้งแท่นชงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ทันที โดยศาลรัฐธรรมนูญถูกขีดเส้นให้วินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับความเห็นดังกล่าว
ชี้ให้เห็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ “สร้างยันต์เกราะเพชร” ป้องกันรัฐบาล สมาชิกรัฐสภาแปรญัตติใช้งบประมาณผิดประเภท โดยกำหนดโทษ “ประหารชีวิตทางการเมือง” ด้วยการสิ้นสุดสมาชิกภาพเป็น สส.หรือสว.และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
เช่นเดียวกับกรณีครม.เป็นผู้กระทำการ หรือรู้ว่ามีการกระทำการดังกล่าวแต่ไม่ได้ยับยั้ง ให้ครม.พ้นตำแหน่งทั้งคณะนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด
แถมเพิกถอนสิทธิรับสมัครรับเลือกตั้งของรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งนั้นด้วย พร้อมให้ผู้กระทำผิดรับผิดชอบใช้เงินนั้นคืนพร้อมดอกเบี้ย เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่า ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม ครม.ในขณะมีมติ
ไล่เรียงดูแล้ว คณะบุคคลที่ยื่นต่อป.ป.ช. คดีนี้ถึงรวดเร็ว เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ป.ป.ช. “ดำเนินการสอบสวนเป็นทางลับโดยพลัน” ตามพ.ร.บ.ป.ป.ช ตีกรอบตรวจสอบให้สะเด็ดน้ำภายใน 60 วัน
พบมีมูลติดเงี่ยงกฎหมายชงศาลรัฐธรรมนูญปุ๊บ ภายใน 15 วันรู้ผล ว่านักการเมืองได้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรกทั้งเป็น
แม้มือกฎหมายของรัฐบาล “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกฯ ชี้ให้เห็นอีกมุมว่า ไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ อ้างไม่ใช้งบประมาณชำระหนี้ภาครัฐ แต่เป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันและหนี้ของรัฐวิสาหกิจ เป็นหนี้สาธารณะที่บังคับให้รัฐต้องงบประมาณชดใช้เงินต้นและดอกเบี้ย
ขณะที่คดีนี้บรรดา “สว.สีน้ำเงิน” หลายคน “เสียวสันหลัง” ยิ่งกว่า “คดีฮัั้วเลือกสว.” ที่ยังต่อสู้กันถึงศาลฎีกา
นั่นหมายถึง ภายในพรรคเพื่อไทยจมูกมด รู้ทิศทางลมแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ดี ในทางการเมืองต้องปากกล้า แต่ขาสั่น ไม่เช่นนั้นเกมล้างกระดานการเมือง ยิ่งเข้าทางขบวนการเชือดแดงยกเข่ง
แต่เข้าทางค่ายน้ำเงิน เฉพาะ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี-รมว.มหาดไทย-หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในวันประชุมครม.ลงมติปมร้อน ดัน “ลาป่วยล่วงหน้า” และพรรคประชาชนก็ไม่เห็นด้วยกับการโยกงบครั้งนี้
ลุ้นเกมกำลังไหลตามจังหวะของคณะบุคคลที่ร้องต่อป.ป.ช. โดยปักธงล่วงหน้ากวาดการเมืองเกือบหมดกระดาน เพื่อเริ่มต้น “รัฐบาลชุดสุดพิเศษ”
……………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
