มท.1เผยนายกฯ แพทองธารมอบนโยบายเข้ม เสริมความมั่นคงแนวหลังชายแดนไทย–กัมพูชา เปรียบ “มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว” พร้อมเร่งสำรวจและจัดทำหลุมหลบภัยมาตรฐานสูงรองรับเหตุฉุกเฉิน ย้ำทุกชีวิตต้องปลอดภัยโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ยันสถานการณ์ยังอยู่ในระดับปกติ ฝ่ายไทยพร้อมทุกด้าน
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายชัดเจนในการสนับสนุน “แนวหลัง” อย่างเต็มที่ โดยเปรียบเทียบบทบาทของกระทรวงมหาดไทยและกองทัพด้วยสุภาษิตว่า “มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว”
“ท่านนายกฯ ให้วิสัยทัศน์ว่า หน้าที่ของมหาดไทยคือต้องทำบ้านให้น่าอยู่ ปลอดภัย อบอุ่น ส่วนทหารคือรั้วที่แข็งแรง พร้อมปกป้องบ้านหลังนี้จากทุกภัยคุกคาม” นายอนุทินกล่าว พร้อมย้ำว่าทุกหน่วยงานต้องร่วมกันปฏิบัติตามนโยบายของนายกฯ อย่างเคร่งครัด
นายอนุทินยังระบุว่า การดูแลประชาชนในพื้นที่ชายแดนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ และการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การเตรียมโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักพิง และโรงเรียนต้องพร้อมรับมือทันที หากมีเหตุไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากผู้บริหารสถานศึกษา ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น “ชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ต้องปลอดภัยอย่างที่สุด”
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีตั้งคำถามว่าเหตุใดกระทรวงมหาดไทยจึงยังไม่เสนอขอจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดทำหลุมหลบภัย นายอนุทินชี้แจงว่า ได้รายงานเรื่องนี้ต่อท่านนายกฯ แล้ว โดยกระทรวงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และปลัดอำเภอเร่งสำรวจหลุมหลบภัยทั่วประเทศ ทั้งที่มีอยู่และที่ยังขาด พร้อมยืนยันว่า สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยมีงบประมาณส่วนนี้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องขอใช้งบกลาง
“เราจะเร่งจัดทำหลุมหลบภัยให้ได้มาตรฐาน เข้าไปต้องมั่นคง ปลอดภัย ทางเข้าทางออกไม่ถูกปิดกั้น ต้องตั้งอยู่ในจุดที่สามารถเคลื่อนย้ายหรืออพยพได้ง่าย มีการซ้อมแผนอย่างเป็นระบบ และแม้รายละเอียดเล็กน้อยอย่างพื้นภายในก็ไม่มองข้าม เช่น ปูด้วยแผ่นยางหรือหญ้าเทียมแทนคอนกรีต เพื่อไม่อมความร้อน” นายอนุทินกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ชายแดนในปัจจุบัน นายอนุทินระบุว่า “โดยภาพรวมยังไม่น่ากังวล” และย้ำว่า ฝ่ายทหารยังคงสื่อสารกับฝั่งกัมพูชาในเชิงการเจรจาอยู่ ขณะที่ฝ่ายปกครองก็สนับสนุนกันอย่างเต็มที่ในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปิด-ปิดด่าน หรือความร่วมมือด้านต่าง ๆ
“เรายืนยันว่าเปิดด่านตามเวลาปกติ ถ้าฝั่งเขาจะเหลื่อมเวลา ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ต้องถามว่าใครจะเสียประโยชน์มากกว่ากัน เพราะเรายังเปิดให้ค้าขายได้ 6–7 ชั่วโมงต่อวัน”
สุดท้าย นายอนุทินกล่าวว่า วันที่ 13 มิถุนายนนี้ จะลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเพื่อประชุมวางแผนตามข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี โดยจะเน้นการเตรียมพร้อมในจังหวัดชายแดนทั้ง 7 แห่งที่ติดกับกัมพูชา กำหนดแผนเผชิญเหตุ ซักซ้อมขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อยกระดับความพร้อมในทุกด้าน
“สิ่งสำคัญที่สุดคือการสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และต้องสร้างความมั่นใจให้ทุกครอบครัวว่า รัฐบาลพร้อมดูแลอย่างเต็มที่” นายอนุทินกล่าว