เลขาฯสมช.ยอมรับ“โควิด”จ่อเข้าระลอก 4 เหตุสายพันธุ์เดลตาระบาดหนัก วอนขอความร่มมือผู้ประกอบการหยุดแคมเปญ “#กูจะเปิดมึงจะทำไม”
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แพทย์จากโรงพยาบาลศิริราชให้ความเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ถือว่ากำลังเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 4 ในเร็วๆนี้ โดยพล.อ.ณัฐพล ยอมรับว่า ใช่เพราะปัจจุบัน เพราะสายพันธุ์เดลตาที่มาจากประเทศอินเดีย มีการแพร่ระบาดที่เร็ว อาจารย์แพทย์หลายก็เป็นห่วง จึงได้เสนอมาตรการต่างๆออกมาด้วยความห่วงใย ขณะที่รัฐบาลก็รับทราบถึงความเดือนร้อนของประชาชนด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการและพนักงาน แม้มีการฉีดวัคซีนป้องกันแล้ว อย่างเช่น ประเทศอิสราเอลและอังกฤษมีปริมาณการฉีดวัคซีนให้ประชาชนจำนวนมากพอแล้ว แต่เขาก็ยังย้อนกลับมาล็อกดาวน์อีกรอบ การฉีดวัคซีนไม่ได้รับประกันว่าไม่ติดเชื้อ แต่ยังต้องระวังกันเหมือนเดิม
พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า วันนี้ได้รับทราบเรื่องกรณีที่ผู้ประกอบการร้านอาหารร่วมกันผุดแคมเปญ “#กูจะเปิดมึงจะทำไม” ในสื่อโซเชียล เพื่อแสดงอารยะขัดขืนต่อมาตรการของศบค.ที่ไม่ให้นั่งรับประทานอาหารในร้านแล้วและขอความร่วมมือ เพราะถ้าทำอย่างนั้น มีโอกาสเสี่ยง ทั้งตัวผู้ประกอบการและผู้บริโภค
เมื่อถามว่าถ้ายังมีการเดินหน้าแคมเปญนี้อยู่ รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายไปจัดการหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า คงต้องดูด้วย แต่ในขั้นต้น อยากขอความร่วมมือ ในสภาวะบรรยากาศเป็นอย่างนี้ ถ้าไปใช้มาตรการกฎหมายในทันที อาจทำให้ตรึงเครียดมากขึ้น ตอนนี้เราคงเข้าไปพูดคุยขอความร่วมมือว่าถ้าทำอย่างนั้น อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดมากขึ้น และที่ผ่านมา จากการสอบสวนโรค พบว่ามาจากลักษณะรวมกลุ่มไปรับประทานอาหารแล้วติดเชื้อกันมา
เมื่อถามต่อว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเชิญผู้ประกอบการที่ผุดแคมเปญนี้มาหารือกันก่อน เพื่อไม่ให้ไปประท้วงลงถนน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า คงต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้กับทุกคนว่าถ้าทำอย่างนั้น จะทำให้เกิดการติดเชื้อและแพร่ระบาดมากขึ้น รวมถึงสังคมโดยรวมเดือดร้อนไปด้วย ตนจึงต้องขอความร่วมมือและความเห็นใจ
”ส่วนรัฐบาลและ ศบค.จะขอดูสถานการณ์เมื่อผ่านไป 15 วัน ถ้าคลี่คลาย ก็จะพิจารณาผ่อนคลายให้ ขอประเมินก่อน และในวันนี้ยังเห็นว่าตัวเลขทรงตัวอยู่ ทั้งนี้มีมาตรการออกมาแล้วรอบนี้เขาก็ได้รับการดูแลด้วยตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่อาจไม่เท่ากับที่เขาขอมา’’พล.อ.ณัฐพล กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ในต่างจังหวัดประกาศรับให้ผู้ป่วยที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดนั้นๆ กลับไปรับการรักษา จะทำให้คนแห่ไปรักษาในต่างจังหวัดมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า แต่ละพื้นที่คงมีมาตรการป้องกัน ซึ่งทางจังหวัดรับทราบว่าปัจจุบันมีแรงงานที่ทำงานในกรุงเทพฯ ได้เดินทางกลับภูมิลำเนา ก็คงแจ้งให้มารายงานตัวเพื่อรับการรักษา ขณะเดียวกัน ตอนนี้มีคนเดินทางกลับไปในหลายจังหวัด เขาก็มีการป้องกันเอาไว้ ให้มารับการรักษา แต่ไม่น่าจะทำให้คนแห่ไปจำนวนมาก เพราะคนที่ยังทำกินได้ก็ยังอยู่ในกทม. ซึ่งในกทม.และปริมณฑลเร่งตั้งโรงพยาบาลสนาม ฮอสพิเทล และสถานพยาบาลเพิ่มเติม เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อ
” วันที่ 2 ก.ค.นี้ เรื่องดังกล่าวน่าจะดีขึ้น และปัญหาการขาดแคลนเตียงก็น่าจะดีขึ้น ดังนั้นแรงงานที่อยู่ในกทม.ยังได้รับการดูแล คงมีแค่บางส่วนที่ไม่ได้ประกอบอาชีพหลังจากรัฐมีมาตรการ จึงเดินทางกลับภูมิลำเนา และวันนี้ก็ยอมรับเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์โรงพยาบาลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จ.ปัตตานีที่เริ่มจะรับปริมาณผู้ป่วยไม่ไหวแล้ว’’ พล.อ.ณัฐพล กล่าว