“ภูมิธรรม เวชยชัย” ย้ำรัฐบาลยังเดินหน้าได้ แม้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวเพียงพรรคเดียว ระบุไม่ใช่เวลาสร้างความแตกแยกภายใน ชี้ชัดกระแสกดดัน-คลิปเสียงคือเกมที่ต่างชาติหวังบ่อนทำลาย เสนอทุกฝ่ายต้องร่วมมือรักษาเสถียรภาพให้ประเทศเดินต่อ
เมื่อเวลา 13.25 น. วันที่ 19 มิ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองล่าสุด หลังพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคมีท่าทีขยับตัวนัดประชุมหารือภายใน โดยเฉพาะประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรีว่า
“เป็นเรื่องปกติเมื่อมีการปรับ ครม. ทุกพรรคย่อมต้องประชุมภายใน พรรคภูมิใจไทยก็ได้ตัดสินใจชัดเจนไปแล้ว ส่วนพรรคอื่นยังอยู่ในกระบวนการพูดคุยและหารือร่วมกันภายในรัฐบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำกันอยู่เป็นปกติ”
เมื่อถูกถามว่าพรรคร่วมยังเหนียวแน่นหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบอย่างมั่นใจว่า “เหนียวแน่น ไม่มีปัญหา เพราะทุกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์ดี” พร้อมระบุว่าในขณะนี้มีความพยายามจากบางกลุ่มที่จะสร้างเงื่อนไขให้เกิดความไม่มั่นคงทั้งจากภายในและภายนอก โดยเฉพาะการหยิบยกประเด็นคลิปเสียงมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
“สิ่งที่พรรคภูมิใจไทยพูด ไม่เหมาะสม เพราะรู้กระบวนการกันดีอยู่แล้ว ไม่ใช่ปัญหาของไทยโดยตรง แต่เป็นผลกระทบจากต่างประเทศ ต้องเข้าใจกัน ไม่ใช่ยิ่งพูดแล้วยิ่งสร้างความรู้สึกแตกแยกในประเทศ เพราะสุดท้ายจะเข้าทางของสมเด็จฮุน เซน และกัมพูชา ที่อยากเห็นไทยอ่อนแอจากภายใน”
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ถึงแม้พรรคภูมิใจไทยจะถอนตัวไปแล้ว แต่พรรคร่วมที่เหลือยังคงเดินหน้าต่อ โดยไม่มีปัญหาใด ๆ และรัฐบาลยังมีเสียงเพียงพอในการบริหารประเทศ
“ตอนนี้ต้องเคลียร์เรื่องความเข้าใจให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยมาว่ากันเรื่องการปรับ ครม. ซึ่งก็มีการพูดคุยภายในอยู่แล้ว กระทรวงมหาดไทยเป็นจุดสำคัญ เพราะเกี่ยวพันกับการนำนโยบายของรัฐบาลลงสู่ประชาชน จึงต้องแก้ไขข้อขัดข้องให้เดินหน้าได้จริง”
สำหรับเสียงสนับสนุนในสภา นายภูมิธรรมยืนยันว่า “มีพอ ไม่มีปัญหา” และมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถอยู่ครบวาระ พร้อมผลักดันนโยบายให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะผ่านกลไกของกระทรวงมหาดไทย
ส่วนกรณีกระแสกดดันจากภายนอก นายภูมิธรรมกล่าวว่า “เราเข้าใจสถานการณ์ และนายกฯ เองก็ได้ออกมาขอโทษประชาชนแล้ว พร้อมยืนยันว่าทุกสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นความตั้งใจเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อครอบครัวหรือส่วนตัวแต่อย่างใด”
พร้อมทั้งปิดท้ายว่า การเผยแพร่คลิปเสียงจากสมเด็จฮุน เซน ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และไม่ควรเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งทุกฝ่ายควรใช้วิจารณญาณ และร่วมกันรักษาเสถียรภาพภายใน มากกว่าการตกเป็นเครื่องมือของเกมการเมืองจากภายนอก.