วิกฤติศรัทธา!ผู้นำประเทศ “ฉุด”เศรษฐกิจไทยสู่“ภาวะถดถอย”

ประเทศไทยเวลานี้ต้องเผชิญชะตากรรมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดกันไม่เลิกทีเดียว ทั้งที่สารพัดปัญหาก็ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะปัจจัยลบจากต่างประเทศ

แต่มาวันนี้ผู้นำรัฐบาลไทย ยังถูกเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ทั้งที่โดยส่วนตัวแล้วมีความสนิทสนมชิดเชื้อกันอย่างใกล้ชิด ถึงขนาดเรียก “อังเคิล” กันด้วยซ้ำไป หักหน้าหลบเหลี่ยม จนทำให้ทั่วบ้านทั่วเมือง ต้องออกมาเรียกร้องให้นายกฯแพทองธาร ชินวัตร พิจารณา “ลาออก” จากตำแหน่ง

ปัญหานี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะยิ่งสะเทือนถึงฐานะของรัฐบาลอย่างหนัก ขณะเดียวกันก็เป็นรันเวย์อันสวยงามให้กับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย สามารถหาทางออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแบบไม่เสียฟอร์ม

ต่อให้…ผู้นำรัฐบาลยังเดินหน้าต่อ โดยใช้วิธีการปรับเก้าอี้ครม.แทน เพื่อให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยังมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ แต่โฉมหน้าของรัฐบาล “อิ๊งค์ 2” จะออกมาโดนใจประชาชนคนไทยมากน้อยแค่ไหน

อย่างที่รู้กันว่า…หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ก็หนีไม่พ้นเรื่องของงบประมาณ 69 ที่เพิ่งอยู่ในชั้นของกรรมาธิการงบประมาณ เพื่อพิจารณาไส้ในของงบประมาณในแต่ละหน่วยงาน

ขณะที่งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ที่แปรเปลี่ยนมาจากการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ก็เพิ่งผ่านการพิจารณาของบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ไป 1.15 แสนล้านบาท

งบประมาณเหล่านี้!! ถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่จะมีผลขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้โงหัวขึ้นมาให้ได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองใด ๆ เกิดขึ้น ก็มักจะให้การพิจารณาเรื่องงบประมาณ นั้นผ่านพ้นไปก่อน

เพราะ…อย่าลืมว่าทันที ที่เกิดเหตุ “คลิปหลุด” ต่างมีเสียงเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบกันทันที แล้วยังตามมาด้วยการเป็นห่วงเศรษฐกิจที่อาจดิ่งลงเหว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ที่อาจเห็นเศรษฐกิจเติบโตได้ต่ำกว่า 1% ด้วยซ้ำไป แต่ที่สำคัญ!! เหนืออื่นใด คือการส่งสัญญาณเตือนเรื่องของการเกิดการ “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” ที่กำลังดังขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะเป็นการถดถอยในเชิงเทคนิคก็ตาม

เพราะทั้งแบงก์ไทยพาณิชย์ ทั้งกสิกรไทย ต่างก็ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงนี้ ท่ามกลางความกังวลในเรื่องของเสถียรภาพทางการเมือง

ทั้งนี้!! ในงานแถลงข่าวมุมมองเศรษฐกิจไทย ประจำไตรมาส 2 ปี 2568 ของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตเฉลี่ยต่ำกว่า 1% แน่นอน

เหนือสิ่งอื่นใด!! ยังมีโอกาสของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเข้าให้อีกด้วย จากการที่การส่งออก และการลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะเริ่มชะลอตัว ขณะที่แรงส่งจากการท่องเที่ยวก็จะน้อยกว่าคาด

“เศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค” หมายถึง คือ ภาวะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ติดลบติดต่อกันอย่างน้อย 2 ไตรมาส

โดยไทยพาณิชย์ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปีนี้ จะขยายตัวได้ 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจะไม่มีการขยายตัว

ส่วน ไตรมาสที่ 3 ประเมิน ว่าจะขยายตัวได้ 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หรือไตรมาส 2 ปี 68 จะติดลบที่ 0.4%

เช่นเดียวกับไตรมาสสุดท้ายของปี ที่เชื่อว่าจะติดลบ 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสสี่ ของปี 67 จะขยายตัวได้ประมาณ 0.2%

ไม่ใช่เพียงแค่ไทยพาณิชย์เท่านั้น ที่ส่งเสียงเตือน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ก็ออกมาเตือนเช่นกันว่า เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิคด้วย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจะเติบโตเพียง 0.1%

ขณะที่ไตรมาส 3 จะติดลบถึง 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 แต่ขยายตัวได้ 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 67 ส่วนไตรมาสสุดท้ายก็ติดลบถึง 0.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และติดลบถึง 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3

ดูจากการประเมินเศรษฐกิจของทั้ง 2 แบงก์แล้ว ก็ใจหายแล้ว แถมยังมาเจอวิกฤติศรัทธาในตัวของนายกรัฐมนตรีเข้าให้อีก ก็ต้องจับตาดูกันต่อว่าสิ่งที่หน่วยงานเศรษฐกิจประเมินออกมานี้ จะหนักหนาสาหัสเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่?

…………..

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo