ด่วน! “ปธ.วุฒิฯ” ยื่นศาลรธน.-ป.ป.ช. ถอดถอน ”แพทองธาร“ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ปมคลิปเสียงสมยอม “ฮุนเซน” ชัดพฤติกรรมคนทรยศขายชาติ กระทบอธิปไตยไทย-กองทัพ-ประชาชน ขณะที่ “กมธ.ทหารฯ” ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ให้ “แพทองธาร”ลาออก
วันที่ 20 มิ.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาได้ทำหนังสือถึง ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง (ป.ป.ช) หลังคณะสมาชิกวุฒิสภา ลงวันที่19 มิถุนายน2568 ขอให้ประธานวุฒิสภาส่งหนังสือกล่าวหานางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อไต่สวนและมีความเห็นว่า ทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นอกจากนี้ ยังทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค3 ประกอบมาตรา 82ว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร.ชินวัตรนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดองเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170วรรคหนึ่ง (4)ประกอบมาตรา160 (4)และ. (5) หรือไม่
กรณีดังกล่าว เกิดขึ้น หลัง กรณี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหาร ได้รวบรวมรายชื่อสว.เมื่อวันที่ 19 มิย. ที่ผ่านเพื่อถอดถอนนายกฯ โดย ก่อนหน้านี้ พล.อ.สวัสดิ์ และ สว. ออกแถลงการณ์ “ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง”
โดยมีสาระสำคัญ ขอแสดงความไม่สบายใจต่อพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. น.ส.แพทองธารยอมรับว่าคลิปเสียงสนทนาเป็นของตนกับสมเด็จฮุน เซนจริง มีเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนฝ่ายตรงข้าม ด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร กองทัพที่ทำหน้าที่ รักษาอธิปไตย อีกทั้งการสนทนาเป็นการยินยอม อ่อนข้อและอ่อนน้อม ให้อริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย แสดงท่าทีพร้อมตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุน เซนเรียกร้อง
การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ทำให้ประเทศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ประชาชนหมดความเชื่อถือศรัทธา ที่ผ่านมาพฤติการณ์ขผู้นำรัฐบาลส่อถึงความเป็นคนไม่รักชาติ (บ่งบอกความเป็นคนทรยศขายชาติ) บัดนี้ความอดทนคนในชาติสิ้นสุดแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กมธ.ทหารและ ส.ว. ขอเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กมธ.ทหารฯเห็นว่าการกระทำของ น.ส.แพทองธารอาจเข้าข่ายความผิด ดังนี้
1.ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ระบุว่า บุคคล มีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ประเทศ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์ รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศ ไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อย ของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูตและการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ มาตรา 164 ในการบริหารราชการแผ่นดิน ครม.ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา และปฏิบัติหน้าที่ใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต รอบคอบ ระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม
2.ผิดประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ในมาตราต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐ ต่างประเทศหรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และมาตรา 257 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 3.ส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตำหนิแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนละฝ่ายกับเรา หมายถึงเป็นคนละฝ่ายกับนายกรัฐมนตรีไทยกับสมเด็จฮุน เซนถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ขาดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กมธ.ทหารและ ส.ว.ไม่อาจปล่อย น.ส.แพทองธารที่เป็นบุคคลฝั่งเดียวกับกัมพูชา เป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย ให้บริหารประเทศต่อไปได้ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่ง และยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที
กมธ.ไม่อาจปล่อยให้บุคคลที่เป็นฝั่งตรงข้ามประเทศไทยบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว มีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธารออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ไม่ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง โดยจะไปยื่นถอดถอนต่อศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 19 มิ.ย.ช่วงบ่ายต่อไป
“ขอให้ประชาชนรับฟังข่าวสารอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวสารที่เป็นข่าวปลอม ปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ไม่หวังดี จะซ้ำเติมสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย กมธ.ทหารและ ส.ว.ตระหนักในบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบต่ออธิปไตย และความมั่นคงของชาติ ด้วยการทำหน้าที่ เพื่อประเทศและประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด พร้อมยืนเคียงคู่ประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกองทัพ เพื่อรักษาอธิปไตย และประเทศสุดกำลัง “ เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน’”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่แถลงการณ์คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสกา ร่วมกับ สมาชิกวุฒิสภาฉบับที่ 3 เรื่อง ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พิพาทบริเวณแนวชายแดนไทย -กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำฝ่ายกัมพูชา และแสดงความไม่สบายใจต่อพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ โดย คณะกรรมาธิการ ได้เรียกร้องให้เปิดอภิปรายทั่วไป เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา นั้นคณะกรรมาธิการคาดหวังว่า ผู้นำรัฐบาลจะรับรู้ได้ด้วยจิตสำนึก และระลึกได้ว่า ตนเองคือ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อวานนี้ เวลา 14.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงยอมรับว่า คลิปเสียงที่เผยแพร่ออกมานั้น….เป็นคลิปเสียงของตน…..สนทนากับสมเด็จฮุนเซนจริง โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า “เป็นคนของฝ้ายตรงข้าม” รวมทั้งเป็นการด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร และกองทัพ ที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตย และบูรณะภาพแห่งดินแดน อีกทั้งการสนทนาเป็นลักษณะการยินยอมอ่อนข้อและอ่อนน้อม ให้กับอริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย โดยได้แสดงท่าที ที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการ ที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ ทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง และประชาชนคนไทยหมดความเชื่อถือ ศรัทธา เพราะที่ผ่านมาพฤติการณ์ของ ผู้นำรัฐบาล ล้วนส่อไปถึงความเป็นคนไม่รักชาติ (บ่งบอกความเป็นคนทรยศขายชาติ)บัดนี้ ความอดทนของคนในชาติ ได้สินสุดลงแล้ว จากสถานการณ์ที่ เกิดขึ้นจาก ผู้นำรัฐบาลที่ด้อยความสามารถ ขาดประสิทธิภาพ ขาดภาวะผู้นำประเทศชาติขาดความเป็นปึกแผ่น ไร้ศักดิ์ศรีและเกียรติภูติภูมิ คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา จึงขอเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้ประเทศไทยต้องเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ ประชาชน และกองทัพ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากพฤติกรรมดังกล่าว