วันอาทิตย์, มิถุนายน 22, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTS“นายกฯอิ๊งค์”ยื้อ-ลากต่อได้แต่สุดวิบาก! เสียงปริ่มน้ำ-ม็อบไล่ขยับ-คดีจ่อคอหอย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“นายกฯอิ๊งค์”ยื้อ-ลากต่อได้แต่สุดวิบาก! เสียงปริ่มน้ำ-ม็อบไล่ขยับ-คดีจ่อคอหอย

ถึงช่วงสุดสัปดาห์ ยังประเมินได้ยากว่า สุดท้าย “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และ “ทักษิณ ชินวัตร” จะตัดสินใจ เดินหน้ารัฐบาลเพื่อไทยต่อไปอย่างไร?

เสียงสส.รัฐบาล หากดูจากตอนที่สภาผู้แทนราษฎรโหวตเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระแรกเมื่อ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายรัฐบาลได้เสียง 322 เสียง โดยรวมหมดแล้ว ทั้ง “สส.รัฐบาล” และ “สส.งูเห่าต่างๆ”

เมื่อ “พรรคภูมิใจไทย” ถอนตัวออกจากรัฐบาลไป เสียงก็หายไป 69 เสียง และต้องบวก “2 สส.อุดรธานี” พรรคไทยสร้างไทย ที่เป็น “งูเห่า” คือ “หรั่ง ธุระพล” และ “อดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์” ซึ่งไปเปิดตัวอยู่กับ “ภูมิใจไทย” แล้ว (หากไม่โดนซื้อตัวกลับ) ก็จะทำให้ “พรรคสีน้ำเงิน” จะมีสส.ในมุ้ง 71 เสียง ทำให้ “สส.รัฐบาล” คร่าวๆ จะอยู่ที่ราวๆ 256 เสียง ที่ก็ยังเกินกึ่งหนึ่ง 248 เสียงของสภาฯ อยู่ราวๆ 8 เสียง

พรรคประชาธิปัตย์แถลงผลมติกรรมการบริหารพรรค 19 ต่อ 7 เสียงขออยู่ร่วมรัฐบาลแพทองธารต่อไป

แต่ใน 8 เสียง ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น ใน “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ล่าสุดผลประชุมกรรมการบริหารพรรคเมื่อ 19 มิ.ย. มีมติให้อยู่ร่วมรัฐบาลต่อด้วยคะแนน 19 ต่อ 7 ก็จะพบว่า ใน ส.ส.25 คนของประชาธิปัตย์ มี 4 เสียงแน่ๆ ที่ไม่เอากับ “รัฐบาลเพื่อไทย” คือ “ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์-สรรเพชร บุญญามณี” สส.สงขลา หากต้องมีการโหวตตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ เช่น ร่างพ.ร.บ.กาสิโน-เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็เชื่อว่า 4 เสียงนี้จะไม่ไปโหวตให้รัฐบาล ก็ทำให้รัฐบาลอาจต้องตัด 4 เสียงนี้ออกไปก่อน

ทำให้ “เสียงรัฐบาล” เหลือประมาณ 252 เสียง ที่ก็สุ่มเสี่ยงกับการเป็น “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” หลังเปิดสภาฯ 3 ก.ค. ที่มีคิวสำคัญๆ หลายเรื่องรออยู่ เช่น ร่างพ.ร.บ.กาสิโนฯ-ร่างพ.ร.บ.งบฯ 69 วาระสองและวาระสาม

และยิ่งเมื่อมีข่าวว่า วงประชุมกรรมการบริหาร “พรรครวมไทยสร้างชาติ” เมื่อ 19 มิ.ย.เสียงส่วนใหญ่มีมติว่า ให้ “แพทองธาร” ลาออกจากนายกฯ เพื่อเปลี่ยนตัวนายกฯคนใหม่ และเสนอให้ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค ไปเจรจากับ “เพื่อไทย” จนลือกันว่า “พีระพันธุ์” มุดเข้า “บ้านจันทร์ส่องหล้า” กลางดึกคืนเดียวกัน ส่วนผลเป็นอย่างไรไม่มีใครยืนยันได้

ทั้งยังมีข่าวว่า นอกจากการเสนอแนวทางดังกล่าว ยังบอกด้วยว่า หากตั้งรัฐบาลกันใหม่ แล้ว “รวมไทยสร้างชาติ” ร่วมรัฐบาลต่อไป ก็ต้องมี “โควตารัฐมนตรี” เพิ่ม แต่หากไม่เป็นไปตามข้อตกลงนี้ “สส.รวมไทยสร้างชาติกลุ่มพีระพันธุ์” 18 เสียง พร้อมทบทวนบทบาทตัวเองในการอยู่ร่วมรัฐบาล

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

หาก “กลุ่มพีระพันธุ์” ที่บอกว่า มี 18 เสียง (จากสส. 36 เสียง) ไม่หนุนแพทองธาร-แยกตัวออกไป ก็ยังมีอีก 18 เสียงจาก “กลุ่ม 18” ของ “เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์ ที่ยังขออยู่ต่อ โดยจะทำแบบ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” คือเอาชื่อ สส.ของกลุ่ม 18 คน ไปเสนอ “ทักษิณ-เพื่อไทย” เพื่อขอโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี

ถ้าเป็นไปตามนี้ ก็เท่ากับ “เสียงรัฐบาล” จะหายไป 18 เสียง ไม่ใช่ 36 เสียง ทำให้รัฐบาลเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง จะมีราวๆ 234 เสียง จากที่ต้องมีเกินกึ่งหนึ่ง 248 ก็ขาดไปราวๆ อีก 14 เสียง

อย่างไรก็ตาม หลายคนยังเชื่อว่า “เพื่อไทย” และเครือข่ายในรัฐบาล จะแก้ปัญหาได้ด้วยการ “ดึงตัวดูดตัวส.ส.-แจกกล้วย-แจกเก้าอี้” ให้กับ “สส.ฝ่ายค้าน” หันมาอยู่ปีกรัฐบาล

ที่เป็นเป้าหมายมากสุดคงไม่พ้น “พรรคพลังประชารัฐ” เพราะหลายคนในพรรคตอนนี้ มีสัญญาใจกับ “ธรรมนัส” ไว้ก่อนแล้วว่า จะย้ายไป “พรรคกล้าธรรม” เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่เมื่อสถานการณ์รัฐบาลไม่ค่อยดี ก็อาจเป็นชนวนเร่งให้เปิดตัวเป็น “งูเห่า” ใน “พลังประชารัฐ” เร็วขึ้น ในยุคที่เรียกได้ว่า “สส.ทุกคน” มี “ค่าตัว-ค่าหัวเพิ่มขึ้น” กับสถานการณ์ “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” ถ้า “ทักษิณ” ยังคงให้ “แพทองธาร” ไม่ลาออก เป็นนายกฯต่อไป

ส่วนครั้นจะไปหวังให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวน “คดี 44 อดีตสส.ก้าวไกล” ลงชื่อแก้ 112 ให้ศาลฎีกาฯตัดสิน ซึ่งในกลุ่มนี้ มี “สส.พรรคประชาชน” อยู่ด้วย 25 คน

และหาก “ป.ป.ช.” ส่งไป แล้ว “ศาลฎีกาฯ” สั่งให้ “25 สส.ประชาชน” หยุดปฏิบัติหน้าที่ฯ ก็จะทำให้ ตัวเลขส.ส.ในสภาฯ ลดลงไปอีก 25 คน จนกว่าคดีจะจบที่ก็กินเวลาร่วมปี และทำให้ สส.เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯลดลงไป จนทำให้รัฐบาลพ้นสภาพปริ่มน้ำไปได้

ทว่าการหวังดังกล่าว ไม่มีหลักประกันอะไร ไม่แน่ กว่าป.ป.ช.จะสรุปเรื่อง ก็อาจอีกหลายเดือน เผลอๆ ปลายปี ดังนั้น “เพื่อไทย” คงหวังตรงนี้ไม่ได้ ต้องหาทางแก้ปัญหา ปลดล็อกรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไปแบบวันต่อวัน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดแถลงข่าวที่พรรคพลังประชารัฐ ไม่ขอร่วมรัฐบาลเพื่อไทย

อย่างล่าสุด ก็ลือกันว่า “แกนนำเพื่อไทย” ถึงกับบากหน้า ติดต่อไปยัง “บ้านป่ารอยต่อ” ของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ที่มีสส.ราวๆ 19 คน เพื่อดึงกลับเข้ารัฐบาลอีกรอบ โดยยื่นเงื่อนไขให้โควตา ทั้งรองนายกฯ-รมว.กลาโหม และรมช.กระทรวงใหญ่อีกหนึ่งคน

แต่ข่าวว่า “บ้านป่ารอยต่อ” เจ็บแล้วจำ ปฏิเสธไม่เอาด้วย เพราะเชื่อว่า “แพทองธาร” ไปต่อไม่ได้แล้ว อย่างมากก็ยุบสภาฯ แต่ก็สะใจที่ทำให้ “รัฐบาลเพื่อไทย” ถึงทางตัน หลังเคยโดนเขี่ยทิ้งแบบไม่ใยดี ส่วนที่ว่า จะมี “สส.งูเห่าพลังประชารัฐค่ายบ้านป่าฯ” แตกตัวออกไปหรือไม่ เชื่อว่า “บิ๊กป้อม” มีข้อมูลและคงสกัดเต็มที่

ทั้งหมดคือสถานการณ์จนถึงช่วงสุดสัปดาห์ ที่ยังคาดเดาได้ยาก ว่าสุดท้ายจบแบบไหน เพราะพลิกไปพลิกมาตลอด แบบวันต่อวัน ชั่วโมงต่อชั่วโมง ในเวลานี้

และตัว “แพทองธาร” เอง นอกจากจะเจอปัญหา ไม่ลาออก ยังดันทุรังเป็นนายกฯต่อ นอกจากต้องเจอปัญหา “เสียงปริ่มน้ำ” แล้ว ตอนนี้ก็ยังมี “ศึกรุมเร้า” อีกหลายเรื่อง

ทั้งการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนักการเมือง-นักเคลื่อนไหวการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่ใช้ชื่อ “กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน”

ซึ่งนัดชุมนุมใหญ่เสาร์ที่ 28 มิ.ย.นี้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงสามทุ่ม เพื่อขับไล่ “แพทองธาร ชินวัตร”

“กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน” ประกาศนัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลแพทองธาร

ที่ต้องถือว่า เป็นการนัดชุมนุม ที่สถานการณ์สุกงอมที่สุดสำหรับฝ่าย “ไม่เอาทักษิณ-ไม่เอาเพื่อไทย” ในรอบสองปีของรัฐบาลเพื่อไทย

ที่หากเกิด “จุดติด” ขึ้นมา มีมวลชนออกมาแสดงพลังล้นหลาม ก็อาจทำให้มีการขยายผลนัดชุมนุมต่อเนื่อง จนสร้างแรงกดดันให้ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ให้ลุกลามบานปลายแบบสมัยม็อบเสื้อเหลือง พันธมิตรฯ และม็อบ กปปส.

เท่านี้ไม่พอ “แพทองธาร” ยังต้องเผชิญกับ “คดีความต่างๆ” ที่มีคนไปยื่นร้องเอาผิด กรณีคลิปเสียงกับ “ฮุน เซน” ที่มีทั้งร้องเอาผิดกับ “ตำรวจ-กกต.-ป.ป.ช.-ศาลรัฐธรรมนูญ” หลังก่อนหน้านี้ ก็เริ่มโดนแล้ว เช่น

เรื่องตั๋ว P/N ที่มีคนไปร้องป.ป.ช.และกรมสรรพากร ให้ตรวจสอบกรณีรับโอนหุ้นจากคนในครอบครัว แล้วออกตัว P/N แทน ที่ถูกร้องว่า อาจมีเจตนาเลี่ยงภาษี 218 ล้านบาท และเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ยังมี กรณี ป.ป.ช.รับเรื่องข้อกล่าวหาครม.และรัฐสภา จัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท มาแจกในโครงการเงินดิจิทัล ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ซึ่งมีชื่อ “แพทองธาร” รวมอยู่ด้วย  

แพทองธาร ชินวัตร-ฮุน เซน

แต่ที่เร็วสุด ที่อาจทำให้ “แพทองธาร” ออกจากตำแหน่งด้วยข้อกฎหมาย หากไม่ลาออก ก็คือกรณีที่ “สว.ชุดปัจจุบัน” เข้าชื่อกันเสนอคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนเพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ไม่ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมฯ จากกรณี “คลิปเสียงอื้อฉาว”

โดย “มงคล สุรัจสัจจะ” ประธานวุฒิสภา ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญแล้วเรียบร้อย เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา

คาดว่า อีกไม่เกินสองสัปดาห์ หรืออาจเป็นสัปดาห์นี้ ศาลรัฐธรรมนูญอาจนำคำร้องมาพิจารณา ว่าจะรับ หรือไม่รับคำร้อง และหากรับแล้ว จะสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนหรือไม่ หากไม่รับ “แพทองธาร” ก็หายใจโล่งสบายใจได้ แต่หากรับคำร้อง แม้ต่อให้ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็นนายกฯ แต่หลายคน ก็อดเสียวแทนไม่ได้ว่า “แพทองธาร ชินวัตร จะเดินซ้ำรอย เศรษฐา ทวีสิน”

คือ หลุดจากเก้าอี้นายกฯ ด้วยผลคำตัดสินของศาลรธน.!

เพราะการพิจารณาของศาลรธน. ใช้เวลาเร็วกว่าทั้งตำรวจ-ป.ป.ช.-กกต.หลายเท่า หากรับคำร้องไว้ คาดว่าไม่เกินหกเดือน รู้ผล แต่ก็ไม่แน่ “แพทองธาร” อาจไม่อยู่เป็นนายกฯ จนถึงวันที่รู้ผลคดีจากศาลรธน.ก็ได้ ใครจะไปรู้

………………………………………..

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย…. “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img