วันเสาร์, มิถุนายน 21, 2025
หน้าแรกHighlightคาด“กนง.”มีแนวโน้มตรึงดอกเบี้ย 1.75% ระหว่างรอผลกระทบขึ้นภาษีนำเข้าทรัมป์
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

คาด“กนง.”มีแนวโน้มตรึงดอกเบี้ย 1.75% ระหว่างรอผลกระทบขึ้นภาษีนำเข้าทรัมป์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินประชุมกนง.25 มิ.ย.นี้ คาดตรึงดอกเบี้ย 1.75% ระหว่างรอประเมินผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย

ดร.ลลิตา เธียรประสิทธิ์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมกนง. วันที่ 25 มิ.ย.2568 นี้ คาดกนง. มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% หลังปรับลดมาแล้ว 0.50% ในปีนี้ เนื่องจาก กนง. คงรอประเมินผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย โดย ณ ขณะนี้สหรัฐฯยังคงชะลอการเก็บภาษีตอบโต้กับไทยรวมถึงประเทศอื่นๆไปจนถึงวันที่ 9 ก.ค.2568

อีกทั้ง คงต้องติดตามสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกและทิศทางเงินเฟ้อของไทย เนื่องจากเงินเฟ้อของไทยมีความเชื่อมโยงค่อนข้างสูงกับราคาพลังงาน ภาพเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้ชะลอลงจากการประชุมในครั้งก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ กนง. มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ เพื่อรักษาพื้นที่ทางนโยบายการเงิน (monetary policy space) ส าหรับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในจังหวะที่ เหมาะสมและก่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดในระยะข้างหน้า

นอกจากนี้ ธปท. มีการใช้นโยบายทางการเงินอื่นๆ โดยเฉพาะ “มาตรการคุณสู้เราช่วย” ซึ่งธปท. มองว่า อาจช่วยบรรเทาปัญหาหนี้ได้อย่างตรงจุดขณะที่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า กนง. อาจปรับลด
ดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะชะลอลงอย่างมีนัยส าคัญในช่วงครึ่งปีหลังโดยมีปัจจัยดังต่อไปนี้การประชุม กนง. 25 มิ.ย. มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยที่ 1.75%
โดยคาดปรับลดอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในครึ่งปีหลัง

นโยบายภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ของสหรัฐฯยังมีความไม่แน่นอนหลังสิ้นสุดการชะลอปรับขึ้นภาษี 90 วัน แต่คาดว่าจะเห็นส่งออกไทยมีแนวโน้มหดตัวลึกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้หลังจากมีการเร่งส่งออกอย่างมากในช่วงก่อนหน้า ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวมีโมเมนตัมอ่อนแรงลงตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา และยังคงไม่เห็นภาพการฟื้นตัว ดังนั้น ภาคการท่องเที่ยวในปีนี้เผชิญความเสี่ยงที่จะเห็นการหดตัวของนักท่องเที่ยวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี

โดยแรงกดดันเงินเฟ้อคาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง แม้สถานการณ์ตะวันออกกลางผลักดันราคาน้ำมันดิบให้สูงขึ้นชั่วคราว เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มชะลอลงประกอบกับมีการไหล่บ่าเข้ามาของสินค้านำเข้าราคาถูก

ส่วนปัญหาด้านเสถียรภาพของรัฐบาลอาจส่งผลต่อการเบิกจ่าย งบประมาณและแนวโน้มเศรษฐกิจ ส่งผลให้โอกาสที่กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งนั้นมีมากขึ้น อย่างไรก็ดี จังหวะในการปรับลดดอกเบี้ยคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ออกมาในระยะข้างหน้าเป็นสำคัญ ทั้งนี้ การคัดเลือกผู้ว่าธปท. คนใหม่ ที่จะเริ่มเข้าดำรงตำแหน่งในเดือนต.ค.2568 เป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตาม ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มนโยบายการเงินในไตรมาส 4/2568 ของปีนี้

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img