วันอังคาร, มิถุนายน 24, 2025
หน้าแรกHighlightพิชัยสั่งธอส.อัดฉีดสินเชื่อใหม่ครึ่งปีหลัง กว่า1.5แสนล้านหวังกระตุ้นภาคอสังหาฯ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

พิชัยสั่งธอส.อัดฉีดสินเชื่อใหม่ครึ่งปีหลัง กว่า1.5แสนล้านหวังกระตุ้นภาคอสังหาฯ

“พิชัย” สั่งธอส.อัดฉีดสินเชื่อใหม่กว่า 1.5 แสนล้านบาทในช่วงครึ่งหลังปีนี้ หวังกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ การจ้างงาน และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน โดยลดเป้าหมายกำไรเพื่อจัดสรรเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชน โดยธอส. ในฐานะกลไกหลักของรัฐบาลผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ให้เดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจอีกกว่า 150,000 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อส่งอานิสงค์ด้านบวกต่อการจ้างงานและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมได้ต่อไป

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 อีกกว่า 150,000 ล้านบาท หลังจากในช่วง 6 เดือนแรกของปี สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ไปแล้วกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ทั้งปี 2568 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ 241,780 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายดังกล่าว ธอส. ได้จัดทำ 4 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วย1.สินเชื่อบ้าน Premier Home สำหรับลูกค้ากำลังซื้อสูง ที่ต้องการที่อยู่อาศัยวงเงินกู้ตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป เสนออัตราดอกเบี้ยปีแรกเริ่มต้น 1.79% ต่อปี

2.สินเชื่อซ่อม-แต่ง และ ซ่อม-แต่ง Plus สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อปรับปรุงซ่อมแซม วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท โดยวงเงิน 100,000 บาทแรก คิดดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.00% ต่อปี และวงเงิน 200,000 บาทถัดมา คิดดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี 3.สินเชื่อ Pre Finance Premium สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในทำเลศักยภาพ 27 จังหวัด อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.90% ต่อปี

4.มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ (DC3) สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยจะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรกเหลือเพียง 0% ต่อปี และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน

นอกจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ ธอส. ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาด้านรายได้อย่างต่อเนื่องและมีสถานะเป็น NPL ผ่าน “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ตามนโยบายของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมีลูกค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมกว่า 80,939 บัญชี 

ขณะเดียวกัน ธอส. ยังได้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมสำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ (SM) และ NPL ที่ไม่เข้าข่ายเกณฑ์ในโครงการคุณสู้ เราช่วย ซึ่งช่วยเหลือลูกค้าให้กลับมามีสถานะปกติและรักษาบ้านไว้ได้แล้วกว่า 373,000 บัญชี ผ่านโครงการต่างๆ แบ่งเป็น มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ปี 2567 (HD1 – HD3) จำนวน 238,000 บัญชี และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC1-DC2) ในปี 2568 จำนวน 135,000 บัญชี

โดยธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ไม่ได้มุ่งเน้นทำกำไรสูงสุด แต่ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ให้อยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินอื่น พร้อมขยายระยะเวลากู้สูงสุดถึง 80-85 ปี เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับประชาชน

นอกจากนี้ ธนาคารยังเดินหน้าโครงการ “บ้าน ธอส. โรงเรียนการเงิน” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยหรือขาดเอกสารแสดงที่มาของรายได้ สามารถสร้างวินัยทางการออมผ่าน Application: GHB ALL GEN เป็นเวลา 12 เดือน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ได้รับสินเชื่อผ่านโครงการนี้แล้วมากกว่า 50,000 ราย

“การดำเนินงานของ ธอส. นอกจากจะเป็นการเติมเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจและแก้ไขหนี้ให้กับลูกค้าแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำสินเชื่อที่อยู่อาศัยอันดับ 1 ของประเทศ และตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ในการก้าวสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bank) ในอนาคต”

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

“สมณศักดิ์”

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img