“เทพไท” เชื่อ “ม็อบไล่รัฐบาลขายชาติ จุดติดแน่” เหตุเป็นม็อบที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่มีสีเสื้อ ไม่มีฝ่าย ไม่พวก ไม่มีการเมือง เห็นได้จากการเปิดรับบริจาคแค่ 5 ชั่วโมง ได้ 4-5 ล้านบาท ถือว่าเกินขาด เย้ยพวกที่วิเคราะห์ “ม็อบจุดไม่ติด-คนไม่มาก” เป็นการดูถูก ด้อยค่าปชช. เชื่อม็อบหนนี้จะแสดงพลังเพื่อปลุก “เพื่อไทย-พรรคร่วมฯ” ให้ตื่นจากภวังค์
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช แสดงความเห็นในหัวข้อ “ม็อบไล่รัฐบาลขายชาติ จุดติดแน่” มีเนื้อหาว่า…“มีหลายฝ่ายวิเคราะห์เรื่องการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ในวันที่ 28 มิ.ย. 2568 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ว่าเป็นม็อบที่จุดไม่ติดบ้าง จำนวนคนไม่มากบ้าง ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลย่ามใจ และมั่นใจว่า ม็อบไม่สามารถล้มรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตรได้ จึงพร้อมใจกันสนับสนุนให้รัฐบาลแพทองธารให้ไปต่อ
แต่เชื่อว่า การวิเคราะห์หรือการประเมินการชุมนุมการเมืองภาคประชาชน ในลักษณะดูถูก และด้อยค่าพลังของประชาชน เหมือนกับไม่แคร์ไม่สนใจ ไม่ฟังกระแสความรู้สึกของประชาชน ที่มีต่อรัฐบาลชุดนี้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอธิปไตยของชาติ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับคนไทยทุกคน จะเป็นม็อบที่น่าจับตามองว่า จะมีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ถ้าเปรียบเทียบกับม็อบที่ผ่านมา ซึ่งเคยมีคนเข้าร่วมมากแล้ว เชื่อว่าการชุมนุมปกป้องอธิปไตยของชาติ จะมีคนเข้าร่วมมากกว่าอีก เพราะม็อบ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย แบบเหมาเข่ง ที่มีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากแล้วแต่เป็นม็อบการเมืองเลือกข้าง ระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนระบอบทักษิณ กับฝ่ายที่ไม่เอาระบอบทักษิณ ยังมีประชาชนเข้าร่วมเป็นหลักล้านคน หรือม็อบต่อต้านบ่อนกาสิโน ซึ่งเป็นม็อบคุณธรรม มีกลุ่มอิสระ เช่น กลุ่มชมรมแพทย์ กลุ่มองค์กรทางศาสนา กลุ่มราชบัณฑิต เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ถือว่ามีความหลากหลาย ยังมีคนที่ไม่ฝักใฝ่การเมืองเข้าร่วมการชุมนุมด้วย
แต่ม็อบปกป้องอธิปไตยของชาติ เป็นม็อบที่ไม่มีสีเสื้อ ไม่มีฝ่าย ไม่มีพวก ไม่มีการเมือง แต่เป็นม็อบที่รักอธิปไตยของชาติ จะมีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากแน่นอน แม้แต่คนเสื้อแดงที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อเจอปัญหาเรื่องอธิปไตยของชาติ คนเหล่านี้ยังเข้าร่วมด้วย จึงเชื่อว่าจะมีการเข้าร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก ประกอบกับช่วงนี้ มีการซักซ้อม มีการนัดแนะ มีการชุมนุมในต่างจังหวัดหลายแห่ง ซึ่งเป็นมวลชนที่เคยชุมนุมมาตั้งแต่สมัยกลุ่มพันธมิตร กลุ่ม กปปส.และกลุ่ม นปช.
จึงทำให้เห็นความเคลื่อนไหวการเมืองภาคประชาชนคึกคักอีกครั้ง และกระแสที่วัดได้ในขณะนี้ เห็นได้จากการบริจาคสนับสนุนการชุมนุมผ่านมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ในชั่วโมงแรกมีผู้บริจาคยอดเงินเฉียดล้านบาท ผ่านมา 5 ชั่วโมง ก็ยอดเงินบริจาคถึง 4-5 ล้านบาท ถือว่ามากเกินคาด เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า การชุมนุมทางการเมืองภาคประชาชนครั้งนี้จุดติดแน่ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบ ไม่ได้เป็นการชุมนุมยืดเยื้อ หรือพักแรม แต่เป็นการชุมนุมเพื่อแสดงพลัง ให้รัฐบาลชุดนี้ได้เห็น ให้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลได้ตื่นจากภวังค์ ได้ตื่นจากความคิดที่ดูถูกพลังของประชาชน
จึงให้จับตาดูว่า การเมืองภาคประชาชน ม็อบของประชาชนจุดติดแล้ว อย่าสบประมาท อย่าท้าทายกระแสสังคม เพราะชนชั้นผู้ปกครอง ผู้ถืออำนาจรัฐไม่ว่ายุคใดก็ตาม ที่ท้าทายพลังของประชาชน ท้าทายกระแสสังคม ทุกครั้งก็จบไม่สวย และพ่ายแพ้พลังมหาประชาชนมาแล้วทั้งสิ้น”