วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSเตรียมนับหนึ่ง‘จัดทัพขรก.’ ชิงเก้าอี้‘ปลัดมหาดไทย’ระอุ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เตรียมนับหนึ่ง‘จัดทัพขรก.’ ชิงเก้าอี้‘ปลัดมหาดไทย’ระอุ

แม้ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะยืนกรานไม่มีถอดใจ ยิ่งไล่ยิ่งสู้ โดยเฉพาะที่ประกาศกลางที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อเร็วๆนี้ จนทำให้กระแสข่าว บิ๊กตู่ อาจตัดสินใจ “ลาออก-ยุบสภา” เลยหายเข้ากลีบเมฆ หลังก่อนหน้านี้ลือกันหนัก

ทว่าการยืนยันดังกล่าว เกิดขึ้นช่วงที่สถานการณ์โควิด ยังไม่หนักหนาเท่านี้ ตอนนั้นตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศ ยังแค่หลักระดับเต็มที่แค่ 2,000 คนต่อวัน ไม่ใช่เฉียดหมื่นแบบทุกวันนี้ และตอนนั้นยังไม่มีการล็อคดาวน์-เคอร์ฟิว สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายเหมือนตอนนี้ ซึ่งมาถึงตอนนี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เลยทำให้ แวดวงการเมืองเริ่มกลับมาเชื่ออีกครั้งว่า รัฐบาลไม่น่าจะอยู่ได้ครบเทอม

ยิ่งหากไปถึงช่วงตุลาคม ที่จะครบ 120 วันเปิดประเทศที่ “บิ๊กตู่” เคยประกาศไว้ แล้วปรากฏว่า คนไทยยังฉีดวัคซีนอย่างน้อยเข็มแรก ไม่ถึง 50 ล้านคน ถึงตอนนั้น สถานการณ์รัฐบาลน่าจะลำบาก  การวิเคราะห์กันว่าโอกาสที่ บิ๊กตู่ อาจอยู่ไม่ครบเทอม เลยเริ่มกลับมามีคนพูดถึงมากขึ้น

อย่าง “โทนี่ วู้ดซั่ม” ทักษิณ ชินวัตร-หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตัวจริง ก็วิเคราะห์แบบฟันธงเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นายกฯน่าจะพยายามลากยาวไปถึงสิ้นปีนี้ แต่สุดท้าย ก็เชื่อว่า จะอยู่ไม่ครบเทอม และนายกฯจะยุบสภา แน่นอน ช้าสุดคือไม่เกินก.พ. 2565 เท่านั้นเอง การเมืองทั้งใน-นอกสภาฯ เริ่มกลับมาคึกคักอีกรอบ ผสมกับกระแสข่าวต่างๆ มากมาย เช่น กระแสข่าวมีสัญญาณมาจากรัฐมนตรีบางกระทรวงว่า

ปีนี้ “การจัดทัพ-แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปี จะทำให้เร็วขึ้นกว่าปกติประมาณ 1-2 เดือน

จนทำให้ถูกมองไปในทางการเมืองว่า ที่บางหน่วยงาน เร่งจัดทัพ-ทำโผแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ก็เพื่อรองรับสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน จะได้วางขุมกำลังของตัวเองไว้รองรับการเลือกตั้ง และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ทั้งนี้ในทางการเมืองแล้ว กลุ่มข้าราชการที่ฝ่ายการเมืองทุกยุค ต้องวางคนของตัวเอง-เครือข่ายคนใกล้ชิด-คนไว้ใจ ไปคุมตำแหน่งสำคัญ หลักๆ แล้วก็จะมีด้วยกัน “สามหน่วยงาน” คือ

“ทหาร-ตำรวจ-มหาดไทย

อย่างของ “กองทัพ” ก็มีกระแสข่าวออกมาว่า เริ่มขยับกันแล้ว เพราะมีสัญญาณออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะนัดหารือนอกรอบร่วมกับ “พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล” รมช.กลาโหม-ปลัดกระทรวงกลาโหม-ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ เพื่อพิจารณาบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี 2564

โดยปีนี้ “บิ๊กทหาร” ที่เกษียณ และเป็นตำแหน่งสำคัญที่จะต้องตั้งคนเข้าไปใหม่ ตำแหน่งหลักๆ ก็คือ “ปลัดกระทรวงกลาโหม-ผู้บัญชาการทหารเรือ-ผู้บัญชาการทหารอากาศ

อย่างเก้าอี้ “ปลัดกระทรวงกลาโหม” ข่าวหลายกระแสบอกว่า ชิงดำกันระหว่าง “พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย” รองปลัดกระทรวงกลาโหมอาวุโสสูงสุด กับ “พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์” เสนาธิการทหารบก ที่ถูกดันออกมาจากกองทัพบก แต่ตามกระแสข่าว สูตรจะออกมาว่า “พล.ร.อ.สมประสงค์” มีลุ้นได้ข้ามกลับไปเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ส่วน “พล.อ.วรเกียรติ” ก็ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม

ขณะที่ในส่วนของทัพฟ้า “ผู้บัญชาการทหารอากาศ” ที่ข่าวบอกว่า ชิงกันสามชื่อคือ “พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา” เสธ.ทอ., “พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์” ประธานที่ปรึกษา ทอ. และ “พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร” ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ ส่วนจะเป็นชื่อไหนเข้าวิน ยังไม่มีใครกล้าฟันธง

ขยับไปที่วงการ “สีกากี-ตำรวจ” รอบปีนี้ คึกคักพอประมาณ เพราะมีเก้าอี้บิ๊กสีกากีระดับ นายพล “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.-พล.ต.ต.”  ว่างจากการที่ บิ๊กตำรวจยศนายพล เกษียณอายุราชการร่วมๆ 130 ตำแหน่ง แยกเป็น รอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง, ผู้ช่วย ผบ.ตร. 5 ตำแหน่ง, ผบช. 16 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 38 ตำแหน่ง และ ผบก. 69 ตำแหน่ง

ซึ่งหากรวมหมด ทั้งพวกขยับตำแหน่งสูงขึ้นและขยับตำแหน่งในระนาบเดียวกันคือ ย้ายเก้าอี้แต่ยศเดิม วงการสีกากีรอบนี้ จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลร่วม 200 ตำแหน่งเลยทีเดียว

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา

โดยเก้าอี้สำคัญ ๆ ก็มีอาทิเช่น “รองผบ.ตร.” ปีนี้ มีเกษียณสองคนคือ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร และพล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ขณะที่ผู้บัญชาการมีเกษียณ 11 ราย อาทิ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น., พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 เป็นต้น

ตำแหน่งสำคัญ ๆ อย่าง รองผบ.ตร. พบว่าปีนี้ มีผู้ช่วย ผบ.ตร.ลุ้นขึ้นรอง ผบ.ตร.ด้วยกัน 5 ราย เรียงตามอาวุโส พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์, พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน, พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรวง, พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช และ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง

ส่วนเก้าอี้ ผู้บัญชาการ ที่หลายคนสนใจหลักๆ ก็เช่น “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” ที่ในทางการเมือง จะต้องตั้งคนที่ฝ่ายรัฐบาลไว้ใจให้มาเป็นผบช.น. คุมพื้นที่ กรุงเทพมหานคร แทนพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ที่เกษียณ เพราะอย่างที่เห็น “สารพัดม็อบ” โดยเฉพาะ “ม็อบไล่รัฐบาล” ที่จะใช้พื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นจุดยุทธศาสตร์หลัก ก็คาดว่าจะกลับมาอีกแน่หลังโควิดเริ่มทุเลาเบาบางลง

ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเอาคนที่คิดว่า มีลูกล่อลูกชน รับมือสารพัดม็อบได้ มาเป็น “ผบช.น.” เพื่อคอยคุมสถานการณ์ ซึ่งถึงตอนนี้ ข่าวว่ามีหลายชื่อมีสิทธิ์ได้ลุ้นมาเป็นผบช.น. แต่ก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสข่าวว่า เต็งหนึ่งที่มาแรง มีชื่อของ “พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร” จเรตำรวจ รอลุ้นอยู่ เป็นต้น

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ส่วนการจัดทัพ “บิ๊กมหาดไทย-นักปกครองทั่วประเทศ” พบว่า แค่เริ่มจะออกตัว ทำโผแต่งตั้งโยกย้าย “ระดับหัว” คือ “ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่” ก็ทำเอา “คลองหลอด” ร้อนระอุ จากกรุงเทพฯ ไปถึงศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศเสียแล้ว

หลังมีกระแสข่าว ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่” จะมี “คนเหาะข้ามห้วย” มาจากกระทรวงอื่น มากินตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยแบบชิ้นปลามัน ชนิดห้ามห้วย-ข้ามหัว บิ๊กๆ คลองหลอด ทั้งหลายที่รอลุ้นเป็นปลัดมหาดไทย ให้อกหักกันเป็นแถว

โดยตามข่าวลือดังกล่าว ออกมาทำนองว่า “บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย และ “ปลัดฉิ่ง-ฉัตรชัย พรหมเลิศ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่นับถอยหลังรอวันเกษียณกันยายนนี้ เห็นพ้องตรงกันที่จะดัน “จตุพร บุรุษพัฒน์” ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้เหาะข้ามห้วย เป็น “สิงห์คืนถิ่น” กลับมาเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้ หลังจากโอนย้ายจากกระทรวงมหาดไทยไปอยู่กระทรวงทรัพย์ฯ เสียหลายปี

จตุพร บุรุษพัฒน์

กระแสข่าวดังกล่าว ทำเอาคนมหาดไทยทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด ตะลึงกันไม่น้อย แม้กระแสข่าวทำนองนี้ จริงๆ แล้ว คนมหาดไทยได้ยินมานานร่วม 2-3 เดือนแล้ว

ตั้งแต่มีข่าว “ปลัดฉิ่ง-ฉัตรชัย” จะใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการด้วยการไปตั้ง “พรรคการเมือง” ที่ชื่อ “พรรคเศรษฐกิจไทย”  ตามโมเดล พรรคเครือข่ายของ “3 ป.” เพื่อรองรับการเลือกตั้งและการจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งกับพรรคพลังประชารัฐ จากนั้นก็มีข่าวคล้อยหลังตามมาอีกว่า “ปลัดตุ๋ม-จตุพร” ที่เป็นน้องรัก คนสนิทของปลัดฉิ่ง-ฉัตรชัย ในฐานะเครือข่าย “สิงห์ดำ” รัฐศาสตร์ จุฬาฯ จะข้ามห้วยมาเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่ เพื่อรับไม้ต่อ ไปนั่งคุมคลองหลอดสามปี ตามอายุราชการที่เหลืออยู่ แต่ตอนนั้น คนมหาดไทย นึกว่าเป็นข่าวคุยกันเล่นๆ

กระนั้น ปรากฏว่า ช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสข่าวทำนองนี้ เริ่มหนาหูขึ้น จนลือกันทั่วกระทรวงคลองหลอดว่า สงสัย ข่าวลือจะเป็นข่าวจริง อาจจะมีการตั้งปลัดกระทรวงข้ามห้วย แบบแหวกประเพณี คนมหาดไทย จนทำให้บรรดาตัวเต็งชิงปลัดมหาดไทย ทั้งหลาย ที่ล้วนเป็น “เพื่อนรัก-น้องเลิฟ” สิงห์ดำฯ ของปลัดฉิ่งทั้งสิ้น อาจต้องวืดกันหมด

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

ไม่ว่าจะเป็น เต็งหนึ่ง “บิ๊กเก่ง สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ที่อาวุโสสูงสุด และมีแบ็คอัพไม่ธรรมดา รวมถึงตัว “บิ๊กต”ู่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ชอบสไตล์การทำงาน แต่ก็อาจต้องพลาดหวังในรอบนี้ และอาจหลุดยาวไปเลย แม้จะเหลืออายุราชการถึงสี่ปี

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า เหตุที่เต็งหนึ่ง อย่าง “อธิบดีเก่ง-สุทธิพงษ์” อาจวืด ไม่ได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย เหตุผลไม่ใช่อะไรอื่น เป็นเพราะ “มท.1-พล.อ.อนุพงษ์” ไม่ปลื้ม

ลือกันไปทั่วคลองหลอดว่า ที่ผ่านมา “พล.อ.อนุพงษ์” กับ “สุทธิพงษ์” สองคนนี้ ทำงานไม่เข้าขากันมานานแล้ว จนมีข่าวว่าระยะหลัง “บิ๊กป๊อก” แทบไม่เคยเรียก “อธิบดีเก่ง” มาคุยงานอะไร หลังมีข่าวว่า มีความเห็นในการทำงานไม่ลงรอยกันเรื่อยมา ตั้งแต่สมัย “สุทธิพงษ์” เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จนทำให้ “สุทธิพงษ์” ถูกย้ายมานั่งเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนในปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้ คนมหาดไทย เลยมองกันว่า “บิ๊กป๊อก” คงเห็นว่า หากให้ “สุทธิพงษ์” เป็นปลัดมหาดไทย อาจมีปัญหาการทำงานระหว่าง รัฐมนตรีกับปลัดฯ ได้เลยอาจไม่อยากหนุนให้เป็นปลัดมหาดไทย แต่คนมหาดไทย ก็ยังมองว่า หาก “สุทธิพงษ์” ที่อาวุโสสูงสุด ไม่ได้ขึ้นเป็นปลัดมหาดไทย อาจทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวบิ๊กป๊อกได้

คนมหาดไทยเลยจับตามองกันว่า ช่วงโค้งสุดท้าย หาก “สุทธิพงษ์” ใช้กำลังภายในบางอย่าง ก็อาจทำให้ อาจเบียดสู้ได้ในช่วงโค้งสุดท้าย แต่ถึงตอนนี้ พบว่า ยังไม่มีกระแสข่าวทำนองนี้ออกมาแต่อย่างใด จนเหมือนกับ “สุทธิพงษ์” เริ่มทำใจแล้ว รอบนี้อาจวืด เว้นแต่มีพลิกโผนาทีสุดท้าย

และหาก “จตุพร” ข้ามห้วย มาเป็นปลัดมหาดไทยจริง ก็ยังทำให้สองบิ๊กคลองหลอด ที่ก็ลุ้นเก้าอี้ ปลัดมหาดไทยอาจต้องอกหักเช่นกัน นั่นก็คือ เต็งสอง “ธนาคม จงจิระ” อธิบดีกรมการปกครอง เพื่อนร่วมรุ่นสิงห์ดำกับ “ปลัดฉิ่ง” ที่ยังเหลืออายุราชการอีกหนึ่งปีก็อาจวืด หลังมีข่าวลือช่วงหลัง แรงปลาย จะเบียด “บิ๊กเก่ง” นั่งปลัดมหาดไทย แต่สุดท้ายก็อาจวืด

เช่นเดียวกับ “นิสิต จันทรสมวงศ์” อธิบดีกรมที่ดิน ที่เป็นเต็งสามในสาย “คนใน” ก็อาจอกหักเช่นเดียวกับ “สุทธิพงษ์-ธนาคม” หากมีการข้ามห้วย เอาคนนอกมาเป็นปลัดมหาดไทย

อย่างไรก็ตาม พบว่า หลังมีข่าวว่า “จตุพร” จะข้ามห้วย มาเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่ ก็พบว่า เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากคนในกระทรวงมหาดไทย และแวดวงนักปกครองทั่วประเทศไม่ใช่น้อย ต่างตั้งคำถามกันว่า มีเหตุผลอะไรที่ “บิ๊กป๊อก-ปลัดฉิ่ง” จะต้องเอา “คนนอก” เหาะข้ามห้วยเป็นปลัดมหาดไทย ทั้งที่ “คนใน” ก็มีหลายคนให้เลือก เพราะแม้ “จตุพร” จะเป็นอดีตลูกหม้อของกระทรวง ตั้งแต่เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในกรมการปกครองจนเติบโตมาเรื่อยๆ แต่ก็โอนย้ายไปอยู่กระทรวงทรัพย์ฯ หลายปีแล้ว จู่ๆ จะเอา “จตุพร” ที่เป็นคนนอกมาเป็นปลัดมหาดไทย

ทั้งที่ยังมี “คนใน” ให้เลือกหลายคน แม้แต่จะเอาชื่ออื่น ที่ไม่ใช่ “สุทธิพงษ์-ธนาคม-นิสิต” แต่ขอให้เป็น “คนใน” หากเป็นแบบนี้ คนมหาดไทยก็บอกกันว่า ยังพอรับได้ เพราะดีกว่าไปเอาคนนอกมาเป็นปลัดมหาดไทย ที่หากเอาคนนอกมา อาจส่งผลต่อขวัญกำลังใจการทำงานของคนในกระทรวงมหาดไทยได้

กระแสนี้พบว่า คนในกระทรวงมหาดไทย ก็วิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับ “บิ๊กป๊อก-ปลัดฉิ่ง” กันดังระงม จนทั้งสองคน รวมถึง “จตุพร-ปลัดกระทวงทรัพย์ฯ”  น่าจะจับกระแสนี้ได้แล้วเช่นกัน

ที่น่าติดตาม ก็คือ มีข่าวหลายกระแสบอกว่า ทั้ง “บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก-ปลัดฉิ่ง” มีการคุยกันบ้างแล้วเรื่องการตั้งปลัดมหาดไทยคนใหม่ แต่ไม่มีใครรู้ว่า คุยกันแล้ว…ผลออกมาอย่างไร นายกฯเอาด้วยหรือไม่กับการข้ามห้วย ของปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ มาเป็นปลัดมหาดไทย เรื่องนี้…ไม่มีใครรู้

บ้างก็ลือกันว่า ประชุมครม.อังคารนี้ 20 ก.ค. หากคุยกันลงตัว ชื่อปลัดมหาดไทยคนใหม่ ก็อาจชิงนำร่อง เปิดตัวแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กข้าราชการประจำปี กระทรวงแรกๆ แต่หากยังไม่ลงตัว ก็อาจยังไม่เอาชื่อเข้าที่ประชุม ครม. อังคารนี้ก็ได้ และอาจรอไปถึงกลางเดือนสิงหาคม ค่อยนำชื่อเข้าครม.ก็เป็นไปได้

โดยสูตรตั้งปลัดมหาดไทยคนใหม่ ถึงตอนนี้ ข่าวหลายกระแสบอกว่า อาจเป็นไปได้ทั้งการตั้ง “คนใน” คือเอาบิ๊กคลองหลอดคนใดคนหนึ่ง มาเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่ ส่วนสูตรคนนอก เหาะข้ามห้วย แม้อาจเริ่มมีกระแสไม่เห็นด้วยจากคนในมหาดไทย จนอาจทำให้ “บิ๊กป๊อก-ปลัดฉิ่ง” เปลี่ยนใจ แต่ถึงตอนนี้ สูตรดังกล่าว ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เว้นเสียแต่โผพลิกนาทีสุดท้าย

………………….

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย……“พระจันทร์เสี้ยว”                                       

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img