สธ.เดินหน้าฉีดวัคซีนสลับชนิดสูตรเอสเอ (SA) เริ่มจันทร์ 19 ก.ค.นี้ ส่งผลความต้องการใช้วัคซีนซิโนแวค 4-5 ล้านโดสและแอสต้า ฯ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน จัดส่งลงกทม.แล้ว 1 ล้านโดส
เมื่อวันที่ 18 ก.ค.64 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า กระทรวงสาธารณสุขประกาศเปลี่ยนแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้แก่ผู้รับบริการที่ลงทะเบียนไว้กับหน่วยงานในสังกัดกรมการแพทย์ โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เป็น Sinovac ไปแล้ว เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้รับบริการกลุ่มนี้จะได้รับวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 2 เป็น AstraZeneca ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
โดยจะปฏิบัติตามแนวทาง สำหรับหน่วยบริการต่าง ๆ รวมทั้งมีการติดตาม ประเมินผลการให้วัคซีนแบบสลับชนิดอย่างเป็นระบบ เพื่อเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเพื่อให้การับวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด 19 ได้สูงสุด และให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนไว้กับหน่วยงานต่าง ๆ นอกสังกัดกรมการแพทย์ให้ติดต่อไปยังหน่วยงานที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อสอบถามรายละเอียดการรับวัคซีนต่อไป
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีการปรับสูตรการฉีดวัคซีนมาเป็นเข็มแรกซิโนแวค เข็ม 2 แอสตร้าเซนเนกา ซึ่งมีการศึกษาพบว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงเท่าการฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม และสูงกว่าการติดเชื้อตามธรรมชาติ ข้อดีคือใช้เวลาประมาณ 5 สัปดาห์ในการกระตุ้นภูมิสูง ส่วนการฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็มต้องใช้เวลานานกว่า 4 เดือน
ดังนั้นจึงเดินหน้าฉีดวัคซีนสลับชนิดกัน แต่มีข้อยกเว้นในพื้นที่ระบาดกทม. ปริมณฑล จะฉีดแอแสตร้าฯ 2 เข็ม ให้กับผู้สูงอายุ เพราะการฉีด 1 เข็ม ยังช่วยป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิต ล่าสุดกระทรวงส่งวัคซีนให้กทม.ไปแล้ว 1 ล้านโดส โดยระบุชัดว่า 5 แสนโดสต้องฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปด้วย
ทั้งนี้จากการปรับการฉีดวัคซีนทำให้มีการประมาณการณ์ว่าจะใช้ซิโนแวคราวๆ 4-5 ล้านโดสต่อเดือน และแอสตร้าฯ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน อย่างไรก็ตามมีการหาแผนสำรองในการหาวัคซีนชนิดอื่นๆ มาด้วย เช่นไฟเซอร์ สำหรับกรณีที่รพ.หลายแห่งมีการประกาศเลื่อนฉีดวัคซีนนั้นสอบถามแล้วเพราะยังไม่ทราบว่าจะต้องฉีดวัคซีนตามสูตรใหม่หรือไม่ เลยเลื่อนออกไปก่อน แต่วัคซีนมีในสต็อกพร้อมฉีดอยู่แล้ว
นพ.โอภาส ย้ำว่า วัคซีนซิโนแวค มีประสิทธิภาพอยู่ 3 ด้านคือ 1. ความสามารถในการป้องกันการติดเชื้อ 2. ความสามารถในการลดอาการป่วยหนัก 3. ความสามารถในการลดการเสียชีวิต ซึ่งวัคซีนทุกชนิดในโลกนี้ที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรอง รวมถึงอย.ไทยให้การรับรองด้วย นั้นมีประสิทธิภาพทั้ง 3 อย่าง สามารถลดการติดเชื้อได้เพียงแต่จะมากน้อยแตกต่างกันไป ความสามารถป้องกันการป่วยหนักได้ลดการเสียชีวิตได้
เมื่อถามว่าในกรณีที่มีการปรับสูตรสลับชนิด จะมีข้อยกเว้น โดยจะให้ฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม กลุ่มดังกล่าวจะเป็นกลุ่มใดบ้าง ซึ่งอาจจะมีบางคนที่ไม่พร้อมฉีดแบบสลับวัคซีน นพ.โอภาส กล่าวว่า สูตรเอสเอ (SA) จากข้อมูลที่มีในขณะนี้ มีประโยชน์ในหลายด้าน การสร้างภูมิใกล้เคียงกับการฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม ส่วนการฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม จะใช้ในกลุ่มผู้สูงอายุในพื้นที่พบมีการระบาดสูง ตามทฤษฎีระบุว่าการฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ 1 เข็ม ภูมิฯ จะเพิ่มขึ้นลดการเสียชีวิตได้ จึงเป็นเหตุผลในการฉีดในพื้นที่ที่มีการระบาด