ในอดีตการเมืองไทยมี “ผังล้มเจ้า” ฉันใด ปัจจุบันวงการสงฆ์ ก็มีคำกล่าวว่ามี “ผังล้มพระ” ฉันนั้น
ตอนหลัง ๆ มานี้สังคมไทย จึงเห็นหลายคดี ที่ฟ้องพระเถระวัดสามพระยาและวัดสระเกศเกี่ยวกับเงินทอน
“ศาลยกฟ้อง”
ส่วนเรื่อง “พระวินัย” ไม่ต้องพูดถึง เพราะทั้งราชบัณฑิต, ทั้งคณะกรรมาธิการศาสนา, ทั้งนักวิชาการพุทธศาสนา, ทั้งพระผู้ใหญ่หลายรูป ระบุตรงกันว่า “ไม่เข้าข่าย” ข้อหาปาราชิก
เว้นแต่อาจมีพระเถระบางรูปที่ “ถูกความอิจฉา” บดบาง “ความเมตตา” ตามวิสัยของสมณะ หรือถูกโมหะจริตครอบงำ “สติ” จนทำลายความถูกต้อง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อ “พระวินัย” และพระพุทธศาสนาอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทย
ภาษาชาวบ้านเรียกกว่า “อกตัญญู” ต่อผ้าเหลืองไม่พอ ยังได้ทรยศต่อ “พระพุทธเจ้า” ด้วย เพราะไปทำลาย “พระวินัย” อันเป็น “รากเหง้า” สำคัญของความเจริญและความมั่นคงของพระพุทธศาสนา พระภิกษุแบบนี้ ใครรับเลี้ยงเอาไว้ ใครเชิดชูเอาไว้..นอกจากไม่ได้บุญแล้ว ยังได้บาปติดตัวไปในภพหน้าด้วย
โชคดีมีข่าวว่า อีกไม่นาน “ฟ้าคงเปิด” แสงสว่างคงส่องสู่ชายคาโบสถ์ วัดสามพระยา และ วัดสระเกศ บ้าง หลังจากถูกอำนาจมืดบดบัง “มืดมิด” มาหลายปี
และเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้..มันคือเรื่องแต่งเสมือนจริงคือเรื่อง “สามก๊กฉบับคณะสงฆ์ไทย”ซึ่งต่อจากนี้เพื่อมิให้ดูภาษาสละสวยจะใช้คำว่า สามค่ายในสังคมคณะสงฆ์ สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ผู้อ่านไม่ต้องเชื่อ เพราะไม่ใช่เรื่องจริง..แต่งให้อ่านเพื่อความบันเทิงเสมือนจริงเท่านั้น
สังคมสงฆ์ตอนนี้เกิดมี 3 ค่าย คือ “ค่ายเยาวราช-ค่ายบางลำพู-ค่ายท่าเตียน” ทั้งสามค่ายต่างก็ชิงกันเพื่อก้าวสู่ “เบอร์หนึ่ง” ในกองทัพ
“ค่ายเยาวราช” มี 2 ขุนพลเก่งกาจทั้งคู่ ครบเรื่องทั้งบู๊และบุ๋น คนหนึ่งคุมชายแดน ที่ผ่านมาดูเหมือนจะเป็นแม่ทัพที่มีธรรมาภิบาล เป็นที่ยอมรับจากคนในกองทัพ แต่การแต่งตั้งระดับแม่กอง คราวที่ผ่านมา “ผิดพลาด” เพราะดันไปเอื้อต่อญาติตนเองมากเกินควร ทำให้ “ทหารชายแดน” เกิดเสียขวัญและเสียกำลังใจมากโข ซ้ำมีทหารระดับคนติดตามแม่กองบางคน มีข่าวลือว่าดันไป “แสดงอำนาจ” ทหารตามแนวชายแดนอีก จนเกิดแรงต้าน แต่ไม่ถึงกับ “แตกหัก” ซึ่งต้องจับตารอดูต่อไป
ส่วนขุนพลอีกท่านในค่ายเดียวกันนี้คุมภาคกลาง นิสัยเป็นคนโผงผาง คิดอย่างไร พูดอย่างนั้น เอาแต่พรรคพวกเช่นกัน ขึ้นมาเป็นขุนพลท่ามกลางความงุนงงของคนในกองทัพ เพราะไม่เคยคุมกองกำลังมาก่อน อยู่แต่ฝ่ายพิธีการ จึงบริหารจัดการไม่เป็น ไม่รู้กฎระเบียบ วัฒนธรรมองค์กร เมื่อเข้ามาคุมกองทัพ ทำให้กองทัพกระส่ำกระส่าย อันนี้สถานการณ์ใน “ค่ายเยาวราช” ภายใต้การคุมกองทัพของสองขุนพล ซึ่งหากจะว่าไปแล้วในค่ายเยาวราชเอง ก็มีเสียงซุบซิบว่าในสองขุนพลนี้ “ถ้ำใครถ้ำมัน”
“ค่ายบางลำพู” ขุนพลค่ายนี้คาดการณ์กันว่าหากไม่ผิดพลาดประการใด อนาคตจะต้องเป็น “แม่ทัพใหญ่” คุมกำลังพลทั้งหมดแน่แท้ เป็นคนนิ่ง สุขุม ระมัดระวังตัวมาก ตอนแต่งตั้ง “แม่กอง” คุมชายแดนคราวที่แล้วมา “ผิดพลาด” เช่นกัน เพราะดันแต่ญาติของตนเองขึ้นมา ซ้ำบางคนถูกครหาว่าเป็น “ลูกนอกใส้” แต่ดันรักเหมือนลูกในใต้ ตั้งให้คุมชายแดนเหนือ ซึ่งไม่เคยผ่านการคุมกองกำลังมาก่อนเลย
ขุนพลค่ายนี้แอบจับมือลับ ๆ กับ “ค่ายป้อมปราบและค่ายบางขุนพรหม” หลังสองค่ายนี้ถูกตีแตก “แม่กอง” ถูกจับเป็นเชลยและถูกขุมขังแรมปี แม้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว แต่ถูก “พวกเดียวกัน” ต้อนจนเป็น “หมาจนตรอก” หลังผิงฝา ขุนพลค่ายบางลำพูจึงชวนให้มาอยู่ภายใต้ร่มเงา “ค่ายบางลำพู” อย่างอบอุ่น เพื่อคุมเชิง “ค่ายท่าเตียน” ซึ่งนับวันดูจะมีแววอนาคตสดใส หากไม่ขวาง ไม่สร้างเครือข่ายและผลงาน ตำแหน่ง “แม่ทัพใหญ่” ในอนาคตอาจหลุดมือไปได้
“ค่ายท่าเตียน” ขุนพลค่ายนี้ถือว่าเป็น “ดาวรุ่ง” ครบเรื่องทั้งบู๊และบุ๋น นิ่งสุขุมล้ำลึก มีเครือข่ายกว้างขวาง แต่เสียดายเอาแต่ญาติและพรรคพวกตนเอง ใช้งานใครแล้ว จบงานมักไม่เหลียวแล ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญ ซ้ำเลี้ยงคนที่ “กองทัพ” ไม่สมควรเลี้ยงเอาไว้อยู่ใกล้กายและดันไปส่งเสริมให้คนไปยุ่งเกี่ยวกับบทบาทตำแหน่งขุนพลอีกด้วย หลังจากครองค่ายที่มีคนกล่าวขวัญกันว่ามี “น้ำอาหารสมบูรณ์” ที่สุดในสามค่ายแล้ว ตอนนี้พยายามครองกาย ครองงาน เพื่อก้าวไปสู่ “แม่ทัพใหญ่” อย่างมีความหวัง??
ในสามค่ายนี้ตอนนี้ดูเหมือนนิ่ง แต่ลึก ๆ ต่างคนต่างดูเชิง ค่ายเยาวราชดูเชิงท่าเตียน ท่าเตียนดูเชิงค่ายบางลำพู ในขณะที่ ค่ายบางลำพู ดูเชิงทั้งสองค่าย พร้อมกับต้อนอดีตพรรคพวกขุนพลนายทหารของทั้งสองค่ายมาอยู่ในการดูแลแบบลับ ๆ ท่ามกลางวงแขนที่อบอุ่น
ในขณะที่ “ค่ายพระนคร” ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่อยู่ในตอนนี้ ตอนหลัง ๆ เสนาธิการค่ายนี้ มีกระแสโจมตีเยอะ อำนาจเริ่มเปลี่ยนทิศทางและแผ่วลง ตอนนี้บทบาทเป็นแค่ “ฝ่ายเสนาธิการ” ให้กับค่ายบางลำพู ทั้ง ๆ ที่ในอดีตเคยบาดหมางกันมาก่อนด้วยซ้ำไป
เรื่องราวทั้งหมดนี้ขอย้ำว่าอีกครั้งว่า แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิง เป็นบทละครเสมือนจริง โดยยกตัวอย่างสถานที่ ๆ ท่านผู้อ่านอาจเคยได้ยินหรือคุ้นชื่อ เพื่อให้อ่านเป็นความบันเทิงเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคณะสงฆ์จริง ๆ นะโยมนะ!!
………………………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย …“เปรียญสิบ” : [email protected]
ขอบคุณภาพ https://www.samkok911.com/
ภาพที่ปรากฎไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทความนี้