วันอังคาร, เมษายน 30, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS‘มั่นคง’ ห่วง “ม็อบ” ใช้ความรุนแรง ไม่สนใครทั้งสิ้น
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘มั่นคง’ ห่วง “ม็อบ” ใช้ความรุนแรง ไม่สนใครทั้งสิ้น

การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังอยู่ในจุดน่าเป็นห่วง และน่าเป็นห่วงยกกำลังสอง เมื่อกลุ่มม็อบที่ปากบอกจะล้มรัฐบาล แต่มุ่งหน้าไปที่พระบรมมหาราชวัง งานนี้ตาอย่ากระพริบอะไรจะเกิดขึ้นถ้าม็อบไปพระบรมมหาราชวังจริง…??

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ TheKeyNews ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 7 ส.ค.64 ตัวเลขของการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังพุ่งสูงไม่ลดลง และอาจจะเพิ่มมากขึ้น เรื่องของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่เพียงกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษาเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง และการบริหารราชการแผ่นดินของภาครัฐด้วย โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องความเชื่อมั่น และยังมีเรื่องของการนัดชุมนุมของกลุ่มม็อบที่มีเป้าหมายไปที่หน้าพระบรมมหาราชวัง  งานนี้ “ทหาร” เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ และ ห่วงสถานการณ์รุนแรงที่อาจ เกิดขึ้น ซึ่ง ผบ.ทหารสูงสุด ในฐานะผู้รับผิดชอบ อาจอยู่เฉยไม่ได้

ม็อบ18กรกฎา cr : FB ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

@@@…….เรื่องของการนัดชุมนุม ฝ่ายความมั่นคงขอเตือนกลุ่มม็อบบนถนนผิดกฏหมาย ที่หวังสร้างความวุ่นวาย นิยมและมุ่งใช้ความรุนแรงไม่รับผิดชอบต่อสังคมในสถานการณ์การระบาดของโรคร้ายแรง นิยมใช้วาจาหยาบคาย พอใจการก่นด่า กล่าวหาภาครัฐว่าไม่เห็นประชาชนในสายตา แต่ที่แท้ตัวตนแกนนำม็อบ ไม่เคยเห็นประชาชนอยู่ในสายตาเลย หวังมุ่งล้มรัฐ ล้มสถาบัน คลั่งการเมืองโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น ความพยายามในการชี้นำว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันในฐานะฝ่ายบริหารของประเทศ ล้มเหลวสิ้นเชิงในการบริหารราชการแผ่นดินนั้น ได้ผลอยู่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

 

เปิดท้ายวันศุกร์ลุกไล่เผด็จการ#ม็อบ2กรกฎา

@@@……เนื่องเพราะ ขณะเมื่อประชาชนคนไทยกำลังเผชิญสถานการณ์วิกฤติของโควิด – 19 ซึ่งเป็นภัยพิบัติร้ายแรงจากโรคอุบัติใหม่ จึงไม่มีใครตอบได้ว่า หากไม่ใช่รัฐบาลชุดปัจจุบันแล้ว ประเทศไทยอาจมีผู้ป่วยรายใหม่ทะลักเกินวันละ 40,000 คน มาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว หรือเศรษฐกิจเสียหายหนักกว่านี้ GDP ปีที่ผ่านมาอาจหายไปมากกว่า 2 ล้านล้านบาท บริษัทฯ ห้างร้านขนาดกลางลงไป อาจล้มละลายปิดตัวไปมากกว่า 50 % ไปแล้วก็ได้ หรืออาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าปัจจุบันนี้ก็ได้ ไม่มีผู้ใดสามารถชี้ชัดได้อย่างแน่นอน .. ดังนั้น การเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกรัฐสภาฯ เวลานี้ จึงมีประเด็นซ่อนเร้นชัดเจน กับมุ่งล้มรัฐ ล้มสถาบัน โดยไม่สนใจต่อความลำบากยากแค้นของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ

เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH

@@@…….การดูดซับความเสียหายทางเศรษฐกิจด้วยภาคการส่งออก และภาคการเกษตร ได้ช่วยผ่อนคลายความรุนแรงของสถานการณ์ไว้ได้อย่างมากมาย ความร่วมแรงร่วมใจของแพทย์ พยาบาล ตำรวจ ทหาร บริษัทภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้พยุงประเทศไว้ในระดับหนึ่งได้ อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินที่จะต้องอัดฉีดเข้ามาในระบบอีก 2 เดือนข้างหน้า อาจกลายเป็นสิ่งค้ำยันความมั่นคงของประเทศ และถือเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ..

ฝ่ายความมั่นคง เชื่อว่า ด้วยประสบการณ์การบริหารงานภาครัฐที่ผ่านมา การตัดสินตกลงใจ เพื่อสู้กับโควิด – 19 และเพื่อเยี่ยวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งการเรียกความเชื่อมั่นของคนในชาติให้กลับมาให้ได้นั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดต่อความมั่นคงโดยรวมของประเทศที่ฝ่ายบริหารไม่อาจละเลยได้ ..ฝ่ายความมั่นคง ยังคงเชื่อในความรักความสามัคคีของคนในชาติ และไม่เชื่อในวิธีการที่กลุ่มม็อบผิดกฎหมายใช้ความรุนแรง เนื่องเพราะอย่างไร มันก็มิใช่วิถีทางประชาธิปไตยที่ถูกต้องแน่นอน แนวทางของม็อบ เป็นเพียงความต้องการเทียมที่มีนัยซ่อนเร้นเท่านั้นเอง แต่กลับสร้างความวุ่นวาย และเป็นอุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดินของภาครัฐ ซึ่งสุดท้าย มันก็ต้องไปจบที่ศาลในกระบวนการยุติธรรมในที่สุด

cr / www.rtarf.mi.th

@@@…….ทั้งนี้ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะ หัวหน้า ศปม. ได้ออกประกาศ หัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 ฉบับที่ 3 ความว่า เป็นไปตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนดระดับ และเปลี่ยนแปลงพื้นที่การควบคุม และเจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งต้องห้ามไม่ให้มีการมั่วสุม ในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ห้ามชุมนุม และบ่อนการพนัน หรือทำกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันในทุกพื้นที่ ให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

@@@…….กลับมาที่เรื่องของทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม  ได้แสดงความเสียใจกับกำลังพล ร้อย ทพ. 4514 ที่บาดเจ็บ 4 นายและเสียชีวิต 1 นาย จากการถูกซุ่มโจมตีของผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ บ.แฆแบะ ต.นานาค อ.ตากใบ จว.นราธิวาส ขณะปฏิบัติภารกิจป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายชายแดนไทย – มาเลเซีย เมื่อเวลา 02.20 น.วันที่  3 ส.ค.64 ที่ผ่านมา โดย พล.อ. ประยุทธ์  ได้กำชับกองทัพบก และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้การช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 นายอย่างดีที่สุด รวมทั้ง ขอให้ช่วยเหลือดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มกำลังและสนับสนุน การจัดพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ พร้อมทั้งย้ำการปฏิบัติหน้าที่  ขอให้อดทน และใช้ความพยายามเจรจาพูดคุยกันด้วยความเข้าใจ ไม่ใช้ความรุนแรงต่อกัน โดยให้เพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ และเร่งติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว 

@@@…….พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ความเสี่ยงชายแดนในห้วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรง ในภาพรวมสถานการณ์การลักลอบข้ามแดน ยังพบและจับกุมผู้กระทำผิดได้อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการแรงงานในประเทศที่ยังมีสูง  มีผู้ลักลอบเข้าเมืองตกค้างตามชายแดนจำนวนมาก เนื่องจากประเทศต้นทางไม่เปิดรับกลับ บางส่วนเป็นชนเผ่าและชนกลุ่มน้อยที่ไม่มีการรับรองสถานภาพ  ขณะเดียวกันสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศเพื่อนบ้านยังรุนแรง พบผู้ติดเชื้อในอัตราที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศเมียนมา ที่มีปัญหาการเมืองและสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ รวมทั้งการแพร่ระบาดของโควิดที่อยู่ในสภาวะวิกฤตและข้อจำกัดของระบบสาธารณสุข ที่อาจส่งผลให้มีการลักลอบเข้าเมืองจากเมียนมามากขึ้น

@@@…….พล.อ.ประวิตร ย้ำเป็นนโยบายและสั่งการ ขอให้ฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ รวมทั้งกระทรวงแรงงาน ประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด โดยให้ผนึกกำลังร่วมเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนและตรวจตราพื้นที่ชั้นใน บังคับใช้กฎหมายเข้มงวด เพิ่มมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบค้าอาวุธและยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันและควบคุมโรค โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไก “ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด” บูรณาการการทำงานร่วมกันและนำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ รวมทั้งให้เพิ่มสถานที่กักกัน ( OQ ) ให้เพียงพอ รองรับการลักลอบข้ามแดนที่มีมากขึ้น

@@@…….พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก/ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก กล่าวว่า ตามที่ขณะนี้รัฐบาลได้เร่งเปิดและขยายช่องทางการตรวจคัดกรองและการรักษาผู้ป่วยCOVID – 19 ให้กับประชาชน รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้ม(กทม.และปริมณฑล) และเพื่อให้การดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว กองทัพบกได้ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข ,กรุงเทพมหานครและองค์กรเอกชน จัดตั้ง “รพ.สนามศูนย์คัดกรองสโมสรทหารบก” ถ.วิภาวดีรังสิต กทม. เพื่อเป็นศูนย์ให้บริการตรวจคัดกรอง และการส่งผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาอย่างเป็นระบบ 

@@@…….ศูนย์คัดกรองฯ ได้เปิดให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ทั้งการตรวจหาเชื้อ,การคัดกรองผู้ติดเชื้อ,การแยกประเภทผู้ป่วย, การรักษาเบื้องต้น ,การส่งผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาตามความรุนแรงของโรค และยังได้จัดสถานที่ตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามขนาด 96 เตียงไว้เป็นที่พักคอยสำหรับผู้ป่วย ในระหว่างรอการส่งตัวเข้ารับการรักษา สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะเข้ารับการตรวจคัดกรอง ต้องลงทะเบียนเข้ารับบริการ ทางระบบออนไลน์ ผ่านแอพพลิเคชั่น QueQ  ล่วงหน้าก่อน 1 วัน เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1ส.ค.64 เป็นต้นไป ในเวลา 08:00 – 18:00 น. และเมื่อลงทะเบียนจะได้รับรหัสที่ใช้ในการนัดหมาย และให้มาตามนัดพร้อมนำบัตรประจำตัวประชาชนมา เพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรองต่อไป โดยสามารถรองรับผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองประมาณ 1,000 รายต่อวัน 

@@@……พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ณ โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ กรมแพทย์ทหารเรือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ในกลุ่มข้าราชการและครอบครัวสังกัดกองทัพเรือ ดำเนินการในรูปแบบการจัดสวัสดิการภายในหน่วยงาน เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของกำลังพลกองทัพเรือ ที่มีผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องดูแล ตลอดจนเป็นการดำเนินการตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ

@@@……พล.อ.อ. แอร์บูล  สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้สั่งการให้กรมสวัสดิการทหารอากาศและฝูงบิน 207 จังหวัดตราด ให้การสนับสนุนบ้านพักสวัสดิการ กองทัพอากาศ (เกาะตะเคียน) จังหวัดตราด  เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์พักคอย (Community Isolation) เป็นการชั่วคราวให้กับเทศบาลเมืองตราด จังหวัดตราด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด – 19 ในจังหวัดตราดทวีความรุนแรง ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สะสมเพิ่มจำนวนมากขึ้น  

@@@…… สำหรับบ้านพักสวัสดิการกองทัพอากาศ (เกาะตะเคียน) เป็นหนึ่งในกิจการสวัสดิการกองทัพอากาศ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของฝูงบิน 207 จังหวัดตราด ประกอบด้วยอาคารบ้านพักจำนวน 20 หลัง และอาคารสำนักงาน 1 หลัง ซึ่งปัจจุบันปิดการดำเนินการชั่วคราวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด – 19 โดยการจัดตั้งเป็นศูนย์พักคอย (Community Isolation) เทศบาลเมืองตราดจะรับผิดชอบค่าสาธารณูปโภคและการปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรฐานข้อกำหนดทางการแพทย์ การสาธารณสุข 

 ………………………

 คอลัมน์ : “Military Key”

โดย “รหัสมอร์ส” 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img