วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“ฝ่ายค้าน”จูบปากกลบเกลื่อน “รอยร้าว” ฝังลึก ก่อนทำศึกซักฟอก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ฝ่ายค้าน”จูบปากกลบเกลื่อน “รอยร้าว” ฝังลึก ก่อนทำศึกซักฟอก

เป็นอันว่า กระบวนการพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาทในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพรบ.งบฯ 65 ของสภาผู้แทนราษฏร จบสิ้นไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา

ขั้นตอน หลังจากนี้ กรรมาธิการฯ จะส่งผลสรุปกระบวนการพิจารณาร่างพรบ.งบฯ ทุกหน่วยงานรัฐ ให้ประธานสภาฯ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาฯ ในวาระ 2 และ 3 ที่ถูกกำหนดออกมาให้ประชุมช่วง 18-20 ส.ค.นี้

แน่นอนว่า ร่างพรบ.งบฯ 65 จะผ่านความเห็นชองจากที่ประชุมสภาฯ ไปแบบฉลุย ฝ่ายรัฐบาลไม่ต้องกังวลใจอะไร อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เป็น “ควันหลงทางการเมือง” ตามมา ก็คือ…

“เงินก้อนใหญ่ 16,362,010,100 บาท”

ที่เป็นงบที่ถูก กมธ.ฯ พิจารณาปรับลดงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ก็คือการไปตัดงบจากแต่ละหน่วยงานที่กมธ.เสียงส่วนใหญ่เห็นว่า ไม่จำเป็น หรือสมควรถูกตัด เช่น งบจัดซื้อจัดจ้าง-งบอบรมสัมมนา หรืองบบางโครงการที่หน่วยงานรัฐขอมา แล้วกมธ.ไปหั่นงบออกบางส่วนหรืองบที่ถูกตัดออกเพราะกมธ.เห็นว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยไล่ระดมตัดมาเรื่อยๆ จนได้งบมาก้อนหนึ่งรวมกันแล้วก็คือร่วม 1.6 หมื่นล้านบาท มารวมกันไว้ แล้วที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ที่มีทั้งกมธ.ฝ่ายรัฐบาล-กมธ.พรรคร่วมรัฐบาล-กมธ.จากพรรคฝ่ายค้าน มีมติด้วยเสียงส่วนใหญ่ ให้นำงบทั้งหมดไปไว้ใน

“งบกลางรายการค่าใช้จ่ายการบรรเทาแก้ไขปัญหาและเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ที่ในทางการเมืองและกรอบงบประมาณ ก็คือ “งบกลาง” เพื่อให้รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาโควิดฯ ได้ ที่เป็น “เงินเติมเข้ามาใหม่” ที่จัดสรรมาให้นายกฯนำไปใช้ โดยเป็นงบที่ไม่อยู่ในงบที่อยู่ในส่วนของหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุข

พูดง่ายๆ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ-ประธานศบค. จะมีเงินเข้ามาเพิ่มให้อีก 1.6 หมื่นล้านบาท เพื่อให้รัฐบาล นำไปใช้ใน “สงครามโรคโควิด”

ผลทางการเมืองที่ตามมาก็คือ ทำให้เห็น “ร่องรอยความปริร้าว” ของสองแกนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน

พรรคเพื่อไทย VS พรรคก้าวไกล

ที่เป็นสองพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งพยายามเคลมและชูธงว่า เป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยมาตลอด แต่ที่ผ่านมา ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกล แม้จะบอกว่ามีแนวทางการเมืองตรงกัน แต่ก็พบว่าทั้งสองพรรค ต่างก็…

“ขบเหลี่ยม-ขัดแย้งขัดคอ”

กันมาตลอด และล่าสุดมาปริร้าวอีกรอบ เมื่อ กมธ.งบฯในส่วนของพรรคก้าวไกลรวมถึงส.ส.ของพรรคก้าวไกล และกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในพรรคก้าวไกล ที่ตอนนี้อยู่ใน “คณะก้าวหน้า” โดยการนำของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยะบุตร แสงกนกกุล-ช่อ พรรณิการ์ วานิช” ต่างพาเหรด ออกมาแสดงท่าทีไม่พอใจกับการที่กมธ.งบฯจากพรรคเพื่อไทย ไปร่วมโหวตลงมติ เทงบ 1.6 หมื่นล้าน ไปไว้งบกลาง เพื่อให้พลเอกประยุทธ์ สู้กับโควิด โดยพยายามสื่อสารออกมาว่า คนของพรรคเพื่อไทย ขับไล่-กดดัน พลเอกประยุทธ์ให้ลาออกจากนายกฯ ตลอด เพราะล้มเหลวในการแก้ปัญหาโควิด แต่แล้วพรรคเพื่อไทยกลับไปลงมติในกมธ.งบฯ ให้เอาเงินดังกล่าวไปให้พลเอกประยุทธ์สู้กับโควิด จนเป็นมติเสียงข้างมาก 35 ต่อ 7 โดยกมธ.จากฝ่ายค้าน คือก้าวไกล-ประชาชาติอยู่ในฝ่ายไม่เห็นด้วย ขณะที่กมธ.งบฯจากเพื่อไทย โหวตไปทางเดียวกับฝ่ายรัฐบาล

อาการฟึดฟัดพรรคเพื่อไทย จากคนในพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ที่จับมือกันออกมาขย่มเพื่อไทย ถือว่าค่อนข้างแรงมาก อย่าง “ธนาธร” ที่ก็คือ หัวหน้าพรรคก้าวไกลตัวจริง ถึงกับระบุว่า เป็นการตีเช็คเปล่าให้พลเอกประยุทธ์

“เป็นกระบวนการในกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 งบประมาณก้อนใหญ่ จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท ที่กรรมาธิการอุตส่าห์ร่วมกันรีดไขมันออกไปได้ กำลังกลายเป็นเช็คเปล่าให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ อำนาจในการใช้อยู่ในมือของพล.อ.ประยุทธ์โดยสมบูรณ์

ขณะที่ในสังคมโซเชียลมีเดีย โดยเฉพะกลุ่ม “ติ่งพรรคส้ม-เครือข่ายสามนิ้ว” ก็รับลูก โดยพร้อมใจกัน ปั่นกระแส เพื่อไทยรอจูบปาก-เปิดดีลกับพลังประชารัฐ เพื่อหวังผลจับมือกันตั้งรัฐบาล

ยิ่งก่อนหน้านี้ ที่พลังประชารัฐ เป็นโต้โผใหญ่ ขับเคลื่อนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่อง “ระบบเลือกตั้ง-บัตรสองใบ” ที่เป็นกติกาที่พรรคเพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร ต้องการอย่างมาก มันเลยยิ่งทำให้ แฟนคลับ พรรคส้ม-ม็อบสามนิ้ว ที่ชอบพูดว่า โทนี่ ทักษิณ ชินวัตร-เพื่อไทย สู้ไปกราบไป เพื่อหวังผลเรื่องการกลับประเทศไทยโดยไม่ต้องเข้าคุกภายใต้ “ดีลพิเศษ”

โดยฝ่ายรัฐบาลพลังประชารัฐ พร้อมเปิดทางให้ ดังนั้นพอพรรคเพื่อไทย ไปร่วมเทงบให้พลเอกประยุทธ์ดังกล่าว เลยยิ่งถูกปั่นกระแสหนัก เพื่อไทยรอจับมือกับพลังประชารัฐ จากกลุ่มติ่งพรรคส้ม-แฟนคลับม็อบสามนิ้ว หนักขึ้นไปอีก เพราะต้องไม่ลืมว่า กลุ่มดังกล่าว จริงๆ แล้ว ไม่ชอบพรรคเพื่อไทยและทักษิณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะมองว่า “ทักษิณ-เพื่อไทย” สู้ไม่จริง เอาแต่เรื่องที่ตัวเองได้ประโยชน์เช่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องที่กลุ่มสามนิ้วเรียกร้องอย่างเรื่อง “ปฏิรูปสถาบัน” ทาง “เพื่อไทยและทักษิณ” ไม่กล้าแตะ ขณะที่พรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า ตอบสนอง กลุ่มเครือข่ายแฟนคลับ ม็อบสามนิ้วได้ดีกว่า

หลังโดนปั่นกระแสดังกล่าว ส่งผลให้แกนนำเพื่อไทยไล่ตั้งแต่ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย-“ภูมิธรรม เวชยชัย” เลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และกลุ่มที่เป็นกมธ.งบฯ จากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น “วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล” รองประธาน กมธ.งบประมาณฯ-“นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน-“จิรายุ ห่วงทรัพย์” ส.ส.กทม.-“ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคาม-“อุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม” ส.ส.ลพบุรี ต้องออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว โดยบางส่วนก็ให้สัมภาษณ์ตอบโต้-สวนกลับพรรคก้าวไกลแบบแรงๆ กลับไปเช่นกัน ภายใต้คำยืนยัน “ไม่ได้ร่วมตีเช็คเปล่าให้พลเอกประยุทธ์แน่นอน”

โดยแม้ขณะนี้ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” พยายามจะยุติปัญหาความบาดหมางกันดังกล่าว เพื่อเตรียมจับมือร่วมกันทำศึกใหญ่ “ศึกซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจ” ที่พรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ 16 ส.ค.นี้ จนมีกระแสข่าวว่า สองแกนนำ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” มีการต่อสายหากัน เพื่อขอให้บอกลูกพรรคของตัวเองให้ “สงบศึกกันก่อน” เพราะภาพที่ออกมา ไม่เป็นผลดีต่อการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีงานสำคัญอย่าง “ศึกซักฟอกพลเอกประยุทธ์” รออยู่ อีกทั้งมีข่าวว่า การพูดคุยดังกล่าวของสองแกนนำ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ได้คุยกันว่า หากหลังจากนี้ ถ้ายังมี “ควันหลง” มีการฟาดปากกันทางการเมืองของคนใน “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ออกมาบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้อย่าเป็นระดับ “แกนนำพรรค”

ที่สำคัญ มีกระแสข่าวว่า คีย์แมนของพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล มีการคุยกันไว้ว่า เรื่องงบ 1.6 หมื่นล้านบาทดังกล่าว หากคนในสองพรรคยังติดใจ ขอให้ไปว่ากันตอนร่างพรบ.งบฯเข้าสภาฯ วาระสองและสาม 18-20 ส.ค. โดยมีการตกลงกันว่า หากส.ส.และกมธ.งบฯจากเพื่อไทยและก้าวไกล จะมีการอภิปรายพาดพิงกันบ้างในห้องประชุมสภาฯ ให้ถือว่าเป็นเรื่องของการทำหน้าที่ในสภาฯ “ไม่เกี่ยวกับพรรค” และเมื่อพรบ.งบฯผ่านสภาฯแล้ว ขอให้จบเรื่อง แล้วมาลุยกันต่อ ตอนทำศึกซักฟอก

อย่างไรก็ตาม แม้ตอนนี้ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” จะเล่น “บทจูบปาก” กันแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึง “การขบเหลี่ยมกันทางการเมือง” ของสองพรรคนี้ให้เห็นอีกรอบ หลังที่ผ่านมา มีการขบเหลี่ยมการเมืองกันแล้วหลายรอบ ด้วยเหตุผลสำคัญก็คือ ทั้งเพื่อไทย-ก้าวไกล ต่างก็มีฐานเสียง และกลุ่มเป้าหมายทางการเมืองเดียวกัน ในฐานะพรรคการเมืองที่พยายามเคลมว่าตัวเองคือพรรคฝ่ายประชาธิปไตย

ยิ่งช่วงหลัง “โทนี่ ทักษิณ ชินวัตร” ลงมาสร้างฐานเสียงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผ่านคลับเฮ้าส์ อย่างน้อยเดือนละสองครั้ง ก็ยิ่งทำให้แกนนำพรรคก้าวไกล อ่านออกว่า “ทักษิณ-เพื่อไทย” กำลังจะเข้ามาดึงกลุ่มฐานเสียงคนรุ่นใหม่-ชนชั้นกลาง ที่เป็นกลุ่มฐานเสียงหลักของพรรคก้าวไกล ทำให้ฝ่ายพรรคก้าวไกล ก็ยอมไม่ได้ เลยต้องพยายามตีกันบทบาทของพรรคเพื่อไทย ไม่ให้เด่นไปกว่าตัวเอง ทำให้ “เพื่อไทยกับก้าวไกล” มีการแย่งซีนกันตลอด เพื่อหวังผลคะแนนเสียงตอนเลือกตั้ง และการสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรค จึงไม่แปลกที่ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” จะมีซีนการขบเหลี่ยมให้เห็นกันบ่อยๆ  

ไล่เรียงกันคร่าวๆ ก็เช่น ตอนช่วงก่อนศาลรัฐธรรมนูญ จะยุบพรรคอนาคตใหม่จากเรื่องคดีเงินกู้ฯ ทางเพื่อไทย ที่ตึกพรรค ก็ตั้งอยู่ติดๆ กับพรรคอนาคตใหม่ในเวลานั้น ก็มีการจัดสัมมนาการเมืองกัน แล้วปรากฏว่า แกนนำพรรคที่ไปร่วมเวที ไประบุชัดๆว่า “พรรคอนาคตใหม่ไม่รอด ต้องโดนยุบพรรคแน่นอน” ผลเลยทำให้วันรุ่งขึ้น แกนนำอนาคตใหม่ตอนนั้น ต้องเปิดแถลงข่าว “ไล่อัด-ถอนหงอก” แกนนำเพื่อไทยที่มายุ่งเรื่องพรรคการเมืองอื่น

หรือความขัดแย้งตอนช่วงซักฟอกปี 2563 ที่ตอนแรก ก็มีความขัดแย้งเรื่อง “รายชื่อรัฐมนตรี” ที่จะถูกยื่นซักฟอก ที่ตอนแรกข่าวว่าทีมเตรียมข้อมูลซักฟอกของพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยที่จะยื่นซักฟอก “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” ซึ่งขัดกับ “พรรคอนาคตใหม่” จนทำให้พรรคอนาคตใหม่ตอนนั้น ที่อยู่ระหว่างรอการถูกยุบพรรค “ไม่พอใจ” จนมีข่าวออกมาดิสเครดิตพรรคเพื่อไทยว่า โดนล็อบบี้ไม่ให้อภิปรายพลเอกประวิตร เหมือนกับมีคนปล่อยข่าวเพื่อกดดันเพื่อไทย จนสุดท้าย…เพื่อไทยต้องยอมซักฟอกบิ๊กป้อม แต่แล้วพอถึงช่วงอภิปราย ก็เกิดปัญหา เวลาไม่พอ จนทำให้ส.ส.ของพรรคส้ม อย่าง “รังสิมันต์ โรม” ไม่สามารถอภิปรายพลเอกประวิตรได้ จนส.ส.พรรคส้มทั้งหมด ต้องลงไปเปิดแถลงข่าวด่าพรรคเพื่อไทยว่า “มวยล้มต้มคนดู-มีรายการคุณขอมา”

           

และก่อนหน้านี้ ในช่วงมีการเคลื่อนไหว “แก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา” ที่ผ่านพ้นไปเมื่อเดือนมิถุนายน  ทางพรรคก้าวไกล ก็ไม่ให้ส.ส.ของพรรค ไปร่วมลงชื่อด้วยในญัตติแก้ไขรธน.ของเพื่อไทย ที่เสนอให้แก้ไขระบบเลือกตั้งที่จะเปลี่ยนมาใช้ระบบบัตรสองใบ ซึ่งเหตุผลก็เพราะ “พรรคก้าวไกล” รู้ดีว่า ระบบดังกล่าวจะทำให้พรรคก้าวไกลได้ส.ส.น้อยลงจากเดิมมาก โดยเฉพาะส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้พรรคก้าวไกลเลยไม่เอาด้วยกับเพื่อไทยในการแก้รธน.บัตรสองใบ และมีคนในพรรคพยายามสร้างกระแสว่า เพื่อไทยจับมือกับพลังประชารัฐ เหมือนกับมีข้อตกลงจะจับมือกันหลังเลือกตั้ง ซึ่งแม้ตอนนี้ร่างแก้ไขรธน. ทั้งของพลังประชารัฐและเพื่อไทย จะโดนคว่่ำไปแล้ว แต่ร่างที่ผ่านของพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบ ก็ยังรอส่งให้รัฐสภาโหวตอยู่

จากร่องรอย “เกาเหลา-ขบเหลี่ยมกัน” ทางการเมืองของ “เพื่อไทยกับก้าวไกล” ที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา แม้แกนนำสองพรรคจะพยายามเร่งกลบเกลื่อนเอาไว้ เพื่อไม่ให้ศึกซักฟอก ที่ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ต้องจับมือกัน เพื่อไล่ถล่ม “บิ๊กตู่” ต้องเสียขบวน

แต่ในใจลึกๆ ของแกนนำ-ส.ส. ของ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ก็คงยาก ที่จะจับมือกันได้แบบ ไม่ต้องระแวงว่า จะโดนแทงข้างหลังทางการเมือง ยามเมื่อมีอีกฝ่ายหนึ่งไม่ระวังตัว!

………………………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย…..“พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

ว่าด้วยเรื่อง พัฒนา“พุทธมณฑล”

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img