“หมอธีระ” ชี้ทั่วโลกติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 203 ล้านคนแล้ว ลั่นต้องใช้ “ความรู้ที่ถูกต้อง” ไม่ใช่ใช้ “ความเชื่อส่วนบุคคล” มากำหนดนโยบาย เผย 3 องค์ประกอบสำคัญ “วงการเมืองที่สุจริต-วงนโยบายที่ซื่อสัตย์-วงวิชาการที่ใช้ความรู้ที่ถูกต้อง” หากมีครบ ย่อมนำพาสังคมผ่านวิกฤติไปได้
เมื่อวันที่ 9 ส.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์แนวโน้มการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 9 สิงหาคม 2564…ทะลุ 203 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 468,256 คน รวมแล้วตอนนี้ 203,402,748 คน ตายเพิ่มอีก 7,556 คน ยอดตายรวม 4,306,596 คน, 5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด คือ อิหร่าน อินเดีย สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย และอเมริกา, อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 23,549 คน รวม 36,542,497 คน ตายเพิ่ม 128 คน ยอดเสียชีวิตรวม 633,115 คน อัตราตาย 1.7%, อินเดีย ติดเพิ่ม 36,035 คน รวม 31,969,588 คน ตายเพิ่ม 447 คน ยอดเสียชีวิตรวม 428,339 คน อัตราตาย 1.3%, บราซิล ติดเพิ่ม 13,893 คน รวม 20,165,672 คน ตายเพิ่ม 69 คน ยอดเสียชีวิตรวม 563,151 คน อัตราตาย 2.8%, รัสเซีย ติดเพิ่ม 22,866 คน รวม 6,447,750 คน ตายเพิ่ม 787 คน ยอดเสียชีวิตรวม 164,881 คน อัตราตาย 2.6%, ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 20,450 คน ยอดรวม 6,305,158 คน ตายเพิ่ม 30 คน ยอดเสียชีวิตรวม 112,220 คน อัตราตาย 1.8%
อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร ตุรกี อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และสเปน ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น, แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น, หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 87.17 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน, ญี่ปุ่นระลอกห้าหนักขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเพิ่มอีกถึง 15,753 คน ทำลายสถิติอย่างต่อเนื่อง, ส่วนเกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ เวียดนาม ล้วนติดหลักพันอย่างต่อเนื่อง, เวียดนามนั้นล่าสุดติดถึง 9,690 คน ทำลายสถิติเดิมเช่นกัน ยังคุมการระบาดไม่ได้, แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน, แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง, กัมพูชา ลาว และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ไต้หวัน ฮ่องกง และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
…สำหรับสถานการณ์ของไทยเรา ขณะนี้มียอดติดเชื้อรวมเป็นอันดับที่ 37 ของโลก เมื่อวานจำนวนติดเชื้อเพิ่มของเราสูงเป็นอันดับที่ 10 และจำนวนการเสียชีวิตเมื่อวานเป็นอันดับที่ 9 มีจำนวนผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤติมากเป็นอันดับ 6 โดยมีถึง 5,157 คน การใช้ความรู้ที่ถูกต้อง ได้รับการพิสูจน์แล้วอย่างชัดเจน ตามมาตรฐานสากล เพื่อนำไปใช้เป็นนโยบายระดับประเทศนั้นสำคัญอย่างยิ่ง ประเทศต่างๆ ที่จัดการการระบาดได้ดี ล้วนใช้วิชาความรู้ที่มีลักษณะดังกล่าว แต่หากใช้ความเชื่อส่วนบุคคลหรือกลุ่มบุคคล หรือใช้ข้อมูลที่ไม่นิ่ง ไม่ถูกต้อง นโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ออกมาก็จะไม่ได้ผล ไม่มีประสิทธิภาพ และพิสูจน์ให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน คือ การคุมการระบาดไม่ได้ คนติดเชื้อมากมาย ตายกันเป็นใบไม้ร่วง และสูญเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ความรู้จริงนั้น สามารถตรวจสอบได้ ชัดเจน โปร่งใส และผ่านการกลั่นกรองพิสูจน์ไม่ว่าจะจากใครก็จะได้ผลตรงกัน ต่างประเทศมีกรณีศึกษาเรื่องข้อมูลเท็จ ข้อมูลลวง มากมายในยุคโควิด โดยรวมถึงเรื่องงานวิจัยเกี่ยวกับโควิดด้วย ไม่ว่าจะเป็นวิจัยยา สมุนไพรพืชผักที่เคลมสรรพคุณในเรื่องการรักษาหรือป้องกันโรค ลดความรุนแรงของโรค กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และอื่นๆ งานวิจัยเรื่องโควิดนั้นถูกเผยแพร่ออกมามากมายในแต่ละวัน ด้วยความที่เป็นโรคใหม่ และระบาดวิกฤติทั่วโลก การจะรอการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์สากลมักใช้เวลายาวนานหลายเดือน จึงมักมีการเผยแพร่ออกมาทางช่องทางอื่น เช่น pre-print server ต่างๆ ที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบทางวิชาการ จึงมีความเสี่ยง หากไม่อ่าน ไม่วิเคราะห์ ไม่ตรวจสอบให้ดี แล้วนำไปใช้พัฒนานโยบายและมาตรการ ก็อาจทำให้ผิดพลาด เกิดผลกระทบวงกว้างได้
ปกติแล้ว การตีพิมพ์ในวารสารวิชาการแพทย์สากลนั้นจะมีกระบวนการตรวจสอบเข้มข้นทั้งจากกองบรรณาธิการวารสารการแพทย์นั้น รวมถึงกระบวนการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญหลายคน ที่เรียกว่า peer review process ทำให้มีความมั่นใจได้มากขึ้นว่า เปเปอร์ดังกล่าวมีคุณภาพ ผลการศึกษาน่าจะเป็นจริงตามที่นำเสนอ อย่างไรก็ตาม ผู้อ่านหรือคนที่จะนำความรู้จากงานวิจัยไปใช้ ก็ยังต้องอ่านอย่างมีวิจารณญาณ รู้วิธีในการประเมินความน่าเชื่อถือของแต่ละงานวิจัย ที่เราเรียกว่าทักษะในการทำ Critical appraisal
ยามวิกฤติ สังคมใดที่มี “วงการเมืองที่สุจริต” “วงนโยบายที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และมุ่งปกป้องประชาชน” และ”วงวิชาการที่ใช้ความรู้ที่ถูกต้องและมีจริยธรรม” ย่อมนำพาให้สังคมนั้นผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างดี ประชาชนมีสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต อยากให้ทุกประเทศทั่วโลกลองประเมินดูว่ามีครบทั้ง 3 องค์ประกอบหรือไม่ หากมีครบ ก็คงอุ่นใจ ตอนนี้สถานการณ์ระบาดยังรุนแรง กระจายไปทั่ว ขอให้ประชาชนอย่างพวกเราทุกคนมีกำลังใจในการดูแลตนเองและครอบครัวอย่างเต็มที่ มุ่งเป้าไม่ให้ติดเชื้อ ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก ด้วยรักและห่วงใย