“ฝ่ายความมั่นคง” เชื่อไม่เกิดเหตุปะทะรุนแรง หลังประกาศพรก.ฉุกเฉิน ย้ำถ้าม็อบออกมาชุมนุมก็จับ เพราะผิดพ.ร.บ.ห้ามชุมนุมที่สาธารณะ แล้วไปพิสูจน์กัน ทุกอย่างขึ้นกับ “ผบ.ควบคุมสถานการณ์” ทหารจะออกมาต้องได้รับการร้องขอ
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. แหล่งข่าวจากความมั่นคง เปิดเผยกับ “The Key News” ถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร 2563 และกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่นัดชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ในวันนี้ว่า การดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นหน้าที่ของตำรวจ ยังไม่ใช่หน้าที่ของทหาร แม้ว่าจะถูกตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ กทม. ทั้งนี้ ทหารจะออกมาได้ ต้องได้รับการร้องขอ แต่ถ้าไม่ได้มีการร้องขอ ก็ออกไปไม่ได้ การจะคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ อยู่ที่ ผบ.ควบคุมสถานการณ์ ส่วนที่มีการประเมินว่าอาจจะเกิดความวุ่นวาย ถึงขั้นปะทะกันรุนแรงนั้น คงไม่เกิด ถ้าหากตบมือข้างเดียว ทหารไม่ทำด้วย จะเกิดความรุนแรงได้อย่างไร เวลานี้กลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดพ.ร.บ.การห้ามชุมนุมในที่สาธารณะ ถ้ามาก็จับ แล้วไปพิสูจน์กันว่า มาร่วมชุมนุมจริงหรือไม่
“เวลานี้รัฐบาลมีความชอบธรรมในการดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะที่ผ่านมาเป็นการทำที่เกินกว่าเหตุของข้อเรียกร้อง ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการ ก็ถูกกล่าวหาว่าอ่อนแอ ทั้งที่ผ่านมา รัฐบาลอะลุ่มอะล่วยให้กับผู้ชุมนุม ไม่กล้าทำอะไร จนทำให้ม็อบก้าวล่วงและด่าทอสถาบันเบื้องสูง อย่างอื่นให้อภัยได้ แต่จาบจ้วง ด่าสถาบัน ให้อภัยไม่ได้” แหล่งข่าวคนเดิมกล่าว
ส่วนที่มองว่าทหารเตรียมพร้อมในการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยนำกำลังเข้ามาเป็นจำนวนมากทั้งในส่วนรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาลนั้น แหล่งข่าว กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ต้องนำกำลังทหาร ตำรวจ เข้าไปดูแลในจุดไหนที่คิดว่าม็อบจะไปชุมนุม เช่น ทำเนียบฯ รัฐสภา ต้องเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อย บางคนบอกว่า ประมาทม็อบ-ไม่กล้าทำ จึงทำให้ม็อบได้ใจ และทำในสิ่งที่ไม่สมควรอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้