รองโฆษกรบ.เผยรัฐบาลเตรียมพร้อมรองรับการตรวจ ATK เชิงรุก ระดม อสม.-นักวิทย์ -แพทย์ชุมชน-โรงงาน สอนใช้ชุดตรวจ เปิดไลน์ @nhso หากผลเป็นบวกพาไปรักษาทันที
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ในการตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายโควิด-19 โดยกรมวิทยาศาตร์การแพทย์และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เตรียมกำลัง อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน หรือ “อสม.นักวิทย์” จำนวน 5,000 คน เพื่อสอนการใช้ชุดตรวจโควิด-19 โดยวิธี Antigen Test Kit (ATK) ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ พร้อมกับเปิดช่องทางการสื่อสารผ่านไลน์ @nhso เพิ่มความรวดเร็ว เพื่อให้สามารถเข้าระบบกักตัวที่บ้าน Home Isolation ได้ทันที
สำหรับความพร้อมในส่วนของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์นั้น เบื้องต้นได้มีการเร่งอบรมเตรียมความพร้อมให้ อสม.นักวิทย์ จำนวน 5,000 คน ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงในการสอนวิธีใช้งานชุดตรวจโควิด-19 โดยวิธี Antigen Test Kit (ATK) ให้แก่ประชาชน โดยจะเน้นไปที่การให้ความรู้ แนวทางและข้อควรระวังการใช้ชุดตรวจ ATK เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชุดตรวจด้วยตนเองอย่างถูกวิธี อาทิ การอ่านและแปลผล การลงข้อมูลผลการตรวจ การปฏิบัติตนหลังทราบผล การสวมและถอดชุดป้องกันส่วนบุคคล และการกำจัดขยะติดเชื้อ เป็นต้น นอกจากนั้น การอบรมยังเน้นไปที่การฝึกปฏิบัติภาคสนาม ทั้งในพื้นที่ ตลาดสด และชุมชน เพื่อให้คำแนะนำ รวมไปถึงการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง การฝึกใช้ชุดตรวจ ATK กับกลุ่มเปราะบาง ซึ่งตลอดกระบวนการอบรมจะมีการประเมินทักษะโดยเจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ และยังได้มีการจัดทำคู่มือเพื่อประกอบการดำเนินงานให้แก่ อสม. อีกด้วย รวมถึงมีความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมได้ดำเนินการอบรมการใช้ชุดตรวจ ATK แก่พนักงานโรงงานแล้วกว่า 2,000 แห่ง
น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในขณะที่ สปสช. ก็เปิดช่องทางการสื่อสารผ่านไลน์ OA ซึ่งขอเชิญชวนประชาชนทุกสิทธิรักษายืนยันตัวตนผ่านไลน์ @nhso ล่วงหน้า เพื่อความรวดเร็วในการเข้าระบบดูแลที่บ้าน (Home Isolation) หากผลตรวจ ATK พบว่าติดเชื้อโควิด19 จะได้ลดขั้นตอนการยืนตัวตน ส่วนผู้ติดเชื้อโควิดที่กำลังกักตัวที่บ้านรอจับคู่กับหน่วยบริการเพื่อดูแลแบบ HI ก็สามารถยืนยันตัวตนผ่านช่องทางนี้ได้ และเมื่อผู้ติดเชื้อได้รับ QR code ตอบกลับจากหน่วยบริการแล้ว จะสามารถสแกนแล้วเข้าระบบดูแลได้เลย กรณีที่ไม่มีมือถือสมาร์ทโฟนจะใช้วิธีการยืนยันตัวตนแบบเดิม คือ แจ้งหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือดูรายละเอียดขั้นตอนการยืนยันตัวตนได้ที่ https://youtu.be/zc7ClnmOWf8