เพื่อไทย จัดเสวนารุมสับ “บิ๊กตู่”เย้ยแค่สินค้าหมดอายุรอวันย่อยสลาย ลุยต่อ ร้องศาล-ป.ป.ช.เอาผิด
เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการจัดเสวนา “จนมุมกลางสภา แล้วยังกล้าไปต่ออีกหรือ?” โดยมีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พท.ร่วมเสวนา
น.ส.จิราพร กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เน้นเรื่องปัญหาโควิด-19 ตนได้ต่อยอดเรื่องเงินทอนซิโนแวค ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ยังตอบไม่ชัดเจน พฤติกรรมการตอบของทั้งคู่เหมือนกัน ตอบก่อนจะถาม ตอบแบบไร้ภูมิปัญญา คือพยายามปัดความรับผิดชอบ และตอบไม่ตรงคำถาม ทั้งที่หลักฐานที่มัดตัวแน่น ถ้าตอบคำถามในศาลแบบนี้ มีสิทธิติดคุกทั้งคู่ เพราะให้การไม่ตรงกัน ถือเป็นการสารภาพกลายๆ ว่ามีพฤติกรรมส่อทุจริต
การอภิปรายครั้งนี้ เรียกได้ว่าผลเกินคาด สั่นคลอนพล.อ.ประยุทธ์ ถึงขั้นสติแตก ไปเอารัฐมนตรีที่ไม่ถูกอภิปรายออก ทั้งที่คนที่ควรไปคนแรก คือพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ เราจะรวบรวมหลักฐานยื่นต่อป.ป.ช.เพื่อเอาผิด ที่สำคัญจะเป็นหลักฐานให้ประชาชนตัดสินในการเลือกตั้งครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์เหมือนสินค้าหมดอายุ รอวันย่อยสลาย แม้พล.อ.ประยุทธ์จะชนะมือในสภา แต่จะไม่สามารถผ่านศรัทธาของประชาชนไปได้ ไม่สามารถกลับมาเป็นนายกฯ ได้อีกแน่นอน
ด้านนายจุลพันธ์ กล่าวว่า พล.ประยุทธ์ กู้มาหลายหน รวม 6 ล้านล้านบาท เป็นนายกฯ ที่ก่อหนี้มากสุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ดังนั้นหากไม่เปลี่ยนตัว พล.อ.ประยุทธ์ยังดื้อดันทำสิ่งเดิมซ้ำซาก ประเทศอยู่ไม่ไหว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แม้ลงมติไว้วางใจแล้ว ทั้งพล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทิน จนมุมในสภา เพราะตอบคำถามข้อกล่าวหาไม่ได้เลย และยังจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจโดยมิชอบตามมาตรา 45 และ 47 โดยเฉพาะการขจัดป้องกันโรคติดต่ออันตรายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จงใช้ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ ทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งเราจะยื่นเอาผิดต่อ ป.ป.ช. และยังละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 รวมถึงการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเราจะนำเรื่องเข้ากระบวนการทางศาล
ด้านนายสุทิน กล่าวว่า ทั้งเรื่องจีทูจีซิโนแวค หรือเรื่องชุดตรวจเอทีเค เราจับโกหกได้หมด วันนี้ประชาชนเชื่อแล้วว่ามีการทุจริตวัคซีนแน่นอน แถมยังเจอการเอาตัวรอดแบบเดินลุยโคลน เหตุการณ์ที่ชั้น 3 หลายคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แบบนี้คือพล.อ.ประยุทธ์ จะไปต่อแบบได้คะแนนมาด้วยวิธีอัปยศ ต้องจ้างกัน จึงเป็นความไม่ชอบธรรมมากๆ ทำลายสถาบันทางการเมืองด้วย
“เขาจะดันทุรังไป เขาจะพัฒนาความหนาไปเรื่อยๆ เขาคิดว่ายิ่งไล่ยิ่งสู้ ยิ่งไล่ยิ่งไม่ไป แล้วไปใช้วิธีปลดคนอื่น ต่อให้อยู่ไปก็คงได้อีกพักหนึ่ง เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค คุณก็ต้องเอาเวลาไปใช้บริหารพรรค วิกฤตศรัทธาจะเกิด อยู่แบบเป็ดง่อย คนซวยคือประชาชน ดังนั้นรัฐบาลจนมุมแต่จะไปต่อด้วยทุกวิถีทาง สุดท้ายจะสะดุดขาตัวเองล้มลง
