วิกฤติขัดแย้งทางการเมือง ไม่มีท่าทีคลี่คลาย แต่ละขั้ว แต่ละฝ่าย ใช้กลเกมทุกรูปแบบ เพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์ โดยอ้างทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติ
เห็นได้จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง ผ่านบัตร 2 ใบ เลือกส.ส.เขต 400 คนและเลือกส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เห็นชัดเจนทำเพื่อกลุ่มการเมือง หวังกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
ทำไมทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล-สมาชิกรัฐสภา-ทุนใหญ่-ชนชั้นนำ-กลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งยึดหัวหาดผลประโยชน์และมีอำนาจ ไม่คิดออกแบบรัฐธรรมนูญที่เหมาะสมกับประเทศไทย โดยรัฐบาลนำทัพเชื่อมทุกฝ่าย รวมถึงภาคประชาชน
แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ทำ และยังเริ่มปล่อยของเปิดให้เลือกตั้ง “อบต.-นายกอบต.” ปลายปี 64
พวกเลือกตั้งรู้ดี เป็นกลยุทธ์วางขุมข่ายหัวคะแนนระดับชุมชน เพื่อผลิตคะแนนให้กับนักการเมืองระดับชาติ
ถึงขั้นระดับ “ภูกอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับนัดประชุมส.ส. เพื่อเตรียมการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น
นั่นหมายความว่า การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่เล็กลง และคุมขุมข่ายหัวคะแนนระดับชุมชนได้ อำนาจรัฐ-อำนาจเงิน-กลเกมใต้ดิน เป็นปัจจัยชี้ขาดชนะการเลือกตั้ง
การเมืองย่อมวนลูปเดิม ซื้อเสียง-ชนะเลือกตั้ง-หาผลประโยชน์จากงบประมาณ-นโยบายเอื้อนายทุน
เมื่อนับจากวันยึดอำนาจถึงปัจจุบัน ความขัดแย้งทางความคิดบนกระดานการเมืองซับซ้อนมากขึ้น แถมถูกซ้ำเติมด้วยไวรัสโควิด-19 วิกฤติเศรษฐกิจเป็นระเบิดเวลาอีกลูกที่ใกล้ตูมตาม
ที่น่ากลัวอีกตัว คือ ปัญหาสังคมกำลังก่อตัวเป็นวิกฤติตัวใหม่ของประเทศไทย โดยสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) บอกถึงสภาพสังคมไตรมาสสองปี 64 น่าเป็นห่วงมาก
ด้านสถานการณ์แรงงานอัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูงจากผลกระทบของโควิด ไม่นับรวมผู้จบการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา มีอัตราว่างงานสูงขึ้น
เช่นเดียวกับหนี้ครัวเรือนพุ่งปี๊ด 14.13 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 90.5 ต่อจีดีพี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการเลื่อน-พักชำระหนี้ ทำให้ยอดหนี้คงค้างไม่ลดลง และครัวเรือนที่ไม่ได้รับผลกระทบ มีการก่อหนี้เพิ่ม
บ่งบอกว่า ครัวเรือนมีปัญหาในการหารายได้ เข้าข่ายสถานะทางการเงินเปราะบางมากขึ้น มีโอกาสก่อหนี้นอกระบบ และตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสต้มตุ๋นโดยให้สินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนก็ลดลง เมื่อคดีอาญารวมเพิ่มขึ้นจากคดียาเสพติดและคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์
หนทางพลิกให้เป็นโอกาสที่ท้าทาย โดยภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับการเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สร้างกลไกให้เกิดการเรียนรู้ โดยสร้างสภาพแวดล้อม ลุยวางโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้ทุกคน ทุกกลุ่มสามารถพัฒนาทักษะ ให้เหมาะสมกับความถนัดและความต้องการของประเทศในอนาคต
เพื่อพัฒนาคนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อไต่อันดับความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น
หลังถูกองค์กรระดับโลกไอเอ็มดี วางไทยอยู่อันดับ 28 จาก 64 เขตเศรษฐกิจโลก โดยปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะด้านการศึกษาอยู่ในอันดับ 56
นายกฯควรรีบวางฐานการเมืองค้ำบัลลังก์นายกฯให้เบ็ดเสร็จ เพื่อเร่งผลักดันโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้ทุกคน ทุกกลุ่มสามารถพัฒนาทักษะได้ โดยสร้างแรงจูงใจในการเข้าร่วมโครงการ
ก่อนเกิดปัญหาสังคมเข้าขั้นโคมาและสายเกินเยียวยา ถึงขั้นเป็นไม้ขีดไฟก้านเดียวจุดลามไปถึงวิกฤติการเมือง วิกฤติเศรษฐกิจ โหมกระพือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์
………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น