บริษัทในเครือปตท.ในปี 2564 หลายบริษัทที่ทำผลงานดี ไม่ว่าจะเป็นด้านผลประกอบการ และการขยายการลงทุนจะเห็นได้ว่ามีการเข้าลงทุนซื้อกิจการ หรือขยายการลงทุนเองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่สามารถต่อยอดการเติบโต สร้างความแข็งแกร่งด้านการแข่งขันในระดับโลกเป็นอย่างดี
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เป็นอีกหนึ่งบริษัทในเครือปตท.ที่ได้ขยายการลงทุนต่อยอดธุรกิจไปสู่ขั้นปลายน้ำ ซึ่งนอกจากสอดคล้องกับทิศทางการลงทุนของปตท.แล้วยังเป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับเทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญกับการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ โดยในปีนี้ได้ประกาศลงทุนโครงการใหญ่ 2 โครงการมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 158,417 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าดังกล่าวแบ่งเป็นการลงทุนซื้อหุ้นสามัญในบริษัท Allnex Holding GmbH หรือ allnex เป็นมูลค่าประมาณ 148,417 ล้านบาท โดยบริษัท PTTGC International (Netherlands) B.V. (GC Inter B.V.) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTTGC เป็นผู้ดำเนินการลงทุน และการร่วมลงทุนในโครงการโรงงานพลาสติกชีวภาพ Polylactic Acid (“PLA”) มูลค่าโครงการประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยบริษัท GC International Corporation ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTTGC ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท Cargill, Incorporated ในบริษัท เนเจอร์เวิร์ค จำกัด หรือ NatureWorks LLC (“NatureWorks”) โดยถือหุ้นฝ่ายละ 50%
“ต่อยอดธุรกิจพลาสติกชีวภาพ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจร หรือ PLA นั้นทาง PTTGC จะก่อสร้างในพื้นที่โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้น้ำตาลจากอ้อยเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อผลิต Lactic Acid ซึ่งนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต PLA 75,000 ตันต่อปี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบทางการเกษตรของไทย โดยคาดว่าจะใช้น้ำตาลจากอ้อยมาเป็นวัตถุดิบปีละประมาณ 110,000 ตัน
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Economy Model (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และขับเคลื่อนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังเป็นโครงการที่ตอบสนองนโยบายของภาครัฐอีกด้วยที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจรในอาเซียน (Bio Hub of ASEAN)
“PLA ตอบโจทย์เทรนด์โลก”
สำหรับ Polylactic acid (PLA) เป็นพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) ภายใต้เครื่องหมายการค้า Ingeo สามารถย่อยสลายได้ เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ ได้ด้วยจุลินทรีย์ในธรรมชาติภายหลังจากการใช้งาน ผลิตมาจากวัตถุดิบที่สามารถผลิตทดแทนขึ้นใหม่ได้ในธรรมชาติ (renewable resource) เช่น ผลิตมาจากพืช เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง และอ้อย เป็นต้น
นอกจากนี้ PLA ยังเป็นโพลิเมอร์ชีวภาพที่สามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์แข็ง บรรจุภัณฑ์ประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง สิ้นค้ากลุ่มเส้นใย และ Non-woven เช่น ผ้าอ้อมเด็ก ผ้าเช็ดทำความสะอาด ฟิล์มคลุมดิน และบรรจุภัณฑ์แบบยืดหยุ่น ผลิตภัณฑขวด หรือชุดช้อนส้อม หน้ากากอนามัย เป็นต้น
“Allnex เสริมแกร่งธุรกิจพลาสติกชีวภาพ”
ขณะเดียวกันการซื้อหุ้น allnex โดยทาง PTTGC คาดว่าการทำธุรกรรมแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 นั้นก็เป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจพลาสติกชีวภาพในอนาคตได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากเป็นไปตามแผนก็จะส่งผลให้ในปี 2565 จะเริ่มรับรู้เป็นรายได้เข้ามาทันที และเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการของ PTTGC เติบโตแบบก้าวกระโดด
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTGC เคยกล่าวไว้ว่า การลงทุนใน allnex นั้นเป็นการต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก High Performance Product เพื่อให้สามารถขยายตลาดเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างได้รวดเร็วขึ้น เป็นการขยายเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ
โดย allnex เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังมีการวางกลยุทธ์ในการเจริญเติบโต 3 ด้านอย่างชัดเจน ได้แก่ ความเป็นผู้นำในตลาด Coating Resins คุณภาพสูง มุ่งแสวงหาการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดใหม่ๆ และมุ่งมั่นพัฒนาสารเคลือบที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทฯ ภายใต้กลยุทธ์ 3 Steps คือ 1.Step Change กลยุทธ์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน 2.Step Out การลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและการแสวงหาโอกาสเพื่อสร้างการเติบโตในต่างประเทศ และกลยุทธ์ 3.Step Up ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนด้วยการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
ขณะเดียวกันนี้ allnex มีเครือข่ายโรงงานการผลิตที่ทันสมัย 33 แห่งใน 18 ประเทศ ศูนย์การวิจัยและเทคโนโลยีอีก 23 แห่ง และเป็นผู้นำกว่า 70 ปี ในการผลิตและพัฒนานวัตกรรม Coating Resin สามารถใช้กับเทคโนโลยีการเคลือบที่หลากหลายและครอบคลุมการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ เหล็ก ยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น จะมีโอกาสสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการศึกษาการทำ Synergy ร่วมกัน ซึ่งมีหลายส่วนที่ allnex จะสามารถทำร่วมกันได้