ส.ส.ก้าวไกล“เท่าพิภพ” อดคิดไม่ได้ รัฐขึ้นภาษีบุหรี่กลุ่มไหนได้ประโยชน์ ชี้ไม่ใช่ประชาชนและประเทศชาติแน่นอน แต่เป็นกลุ่มนำเข้าบุหรี่เถื่อน ได้ประโยชน์อื้อ
เมื่อวันที่ 1 ต.ค.นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล เขียนข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความไม่เห็นด้วย กรณีกการขึ้นภาษีบุหรี โดย ระบุว่า รีดภาษีบุหรี่
ปัญหาที่ตามมาในประเด็นแรกคือ บุหรี่นอกก็จะหาเเบรนด์ใหม่มาขายราคาต่ำ เพื่อตีตลาดต่อและเสียภาษีน้อยลง การยาสูบและเกษตรกรก็ขาดรายได้เช่นเดิม เพราะเกษตรกรมีทางเลือกในการขายผลผลิตใบยาสูบให้กับวงการยาสูบเท่านั้น ซึ่งธุรกิจยาสูบเป็นธุรกิจที่ผูกขาดการผลิตภายในประเทศโดยรัฐอย่างสมบูรณ์
ประเด็นต่อมา เมื่อบุหรี่ราคาแพงขึ้นก็นำไปสู่การลอบนำเข้าบุหรี่จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีราคาถูกกว่ากันเยอะหลายสิบบาท เป็นราคาที่สิงห์อมควันยากที่จะปฏิเสธ ทำให้รัฐที่หวังจะได้ภาษีเพิ่มเปิดกลับเก็บภาษีได้ลดลง มิหนำซ้ำอาจจะเป็นต้นตอของปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นของวงการข้าราชการที่คุมผลประโยชน์อยู่ตามชายแดนอีกด้วย อย่างที่มีข่าวการใช้รถหลวงขนบุหรี่เถื่อนก็มีให้เห็นแล้ว
ประเด็นที่ 3 ข้ออ้างเรื่องสุขภาพของประชาชน เป็นแนวคิดเก่าโบราณของรัฐที่พยายามบอกกับประชาชนว่าควรจะทำหรือไม่ทำอะไร แบบพ่อปกครองลูก (Nanny State) จากสถิติพบว่าการเพิ่มราคาบุหรี่แม้จะมีผลในการลดจำนวนผู้สูบลดลงด้วยปัจจัยราคา แต่ก็ยังมีการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อน แสดงว่าก็คงไม่ได้ผลอย่างที่คาดไว้
หลายประเทศที่พัฒนาแล้วพยายามแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพไปในอีกทิศทางหนึ่งที่ต่างกัน ด้วยวิธีการลดอันตรายที่เกิดจากสิ่งนั้น ๆ (Harm Reduction) เช่น นิวซีแลนด์ ได้ผ่านกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งผลวิจัยจากหลายสถาบันก็บ่งบอกว่าปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่แบบธรรมดา เพราะไม่มีการเผาไหม้และไม่เกิดน้ำมันอันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ในบางประเทศอย่างอังกฤษ หากต้องการเลิกสูบบุหรี่ คุณหมอในโรงพยาบาลก็สามารถสั่งบุหรี่ไฟฟ้าให้กับผู้ที่อยากเลิกบุหรี่ได้ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยก็มีผู้นิยมสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังผิดกฎหมาย ซึ่งอาจขัดแย้งกันในเรื่องของผลประโยชน์ก็เป็นได้
หากวิเคราะห์การขึ้นภาษีบุหรี่ในครั้งนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า คนที่ได้ผลประโยชน์จริง ๆ คือใคร ในความคิดผมคงไม่ใช่ประชาชน ไม่ใช่ประเทศชาติแน่นอน แต่ก็คงเป็นกลุ่มที่นำเข้าบุหรี่เถื่อน ซึ่งทุกคนน่าจะพอทราบอยู่ว่าการกระทำแบบนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีเบื้องหลังอย่างไร