นายกฯ คิกออฟฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กนักเรียนสร้างภูมิคุ้มกันรองรับเปิดภาคเรียน ย้ำวัคซีนมีเพียงพอตามเป้า150-170 ล้านโดส ขอโทษผู้ปกครองบางคนรู้สึกเรียนออนไลน์เป็นภาระ
เมื่อวันที่ 4 ต.ต. 64 ที่รร.พิบูลอุปถัมภ์ ถ.ลาดพร้าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีคิกออฟสร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ซึ่งเป็นวันแรกของการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กนักเรียน อายุระหว่าง 12-18 ปี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและรองรับการเปิดภาคเรียน โดยเบื้องต้นวันนี้จะเป็นการฉีดวัคซีนเข็มแรกพร้อมกัน 15 จังหวัด ใน 13 เขตสุขภาพ
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือในการมาฉีดในครั้งนี้ เพื่อสร้างเกราะป้องกันให้กับเด็กมีความปลอดภัยอุ่นใจต้อนรับเปิดเทอม ซึ่งโรคโควิด-19 นั้น มีผลกระทบมากมายทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ซึ่งการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐบาลต้องรักษาระบบนี้ให้ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อทั้งครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา
ซึ่งวันนี้มั่นใจที่มีการบริหารจัดการการศึกษาและส่งเสริมจัดการเรียนการสอนในช่วงโควิด-19 ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครูมีบทบาทอย่างมากในการปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่องทาง วันนี้ตนเห็นภาพผู้ปกครองนั่งเรียนกับลูกในกรณีที่เด็กอยู่บ้านเชื่อว่าไม่ใช่ภาระ ถ้ามีเวลาก็อยู่กับลูกกับหลานเป็นช่วงเวลาครอบครัวที่ได้อยู่ร่วมกัน แต่ต้องขอโทษถ้ามีหลายคนรู้สึกเป็นภาระ แต่วันนี้ต้องมีความใกล้ชิดกันในครอบครัวมากยิ่งขึ้น เพื่อมีภูมิต้านทานในการอยู่ในโลกใบนี้ต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นการส่งเสริมและเตรียมความพร้อมด้านการศึกษาให้เดินหน้าไปได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการฉีดระยะแรกให้ได้รับวัคซีนกันครบถ้วน เพื่อเตรียมเปิดเทอม และเพื่อให้ความมั่นใจผู้ปกครองที่จะส่งบุตรหลานมาเรียนในโรงเรียน สำหรับวัคซีนที่ฉีดให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปนี้ เป็นวัคซีนไฟเซอร์ที่มีประสิทธิภาพและได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ถ้าเราฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมในนักเรียน ครู และบุคลากรทางศึกษาก็จะทำให้การเปิดภาคเรียนที่ 2 ปี 2564 เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ตนอยากเห็นภาพทุกคนได้รับวัคซีนอย่างถ้วนหน้า แน่นอนเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้วที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องการจัดหาวัคซีนมี 2 ประเภทคือวัคซีนหลักที่รัฐบาลจัดหา ซึ่งเป็นการเจรจาโดยภาครัฐ รัฐบาลต่อรัฐบาล แต่ละวัคซีนทางเลือกเป็นการเจรจาระหว่างผู้จำหน่ายวัคซีน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนทั่วไป
‘’ยืนยันปีนี้วัคซีนมีเพียงพอทั้งปีนี้และไปถึงปีหน้า คาดการณ์ว่ามีวัคซีน 150 ถึง 170 ล้านโดสในปีนี้ ฉีดได้ครบถ้วนตามที่เราตั้งเป้าไว้ ย้ำว่าวันนี้ต้องเดินหน้าประเทศไปข้างหน้า ให้การเปิดภาคเรียนการศึกษาเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่การควบคุมการแพร่ระบาดก็เป็นไปตามแผนที่เราคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า’’
อย่างไรก็ตามฝากนักเรียนช่วยกันศึกษาเรียนหนังสือและคิดว่าเราจะเรียนไปเพื่ออะไร นั่นเป็นคำตอบของตัวเองและเป็นอนาคต ว่าวันหน้าจะมีงานทำและเลี้ยงดูครอบครัวได้หรือไม่ ซึ่งวันนี้รัฐบาลสร้างงานรอไว้ข้างหน้าทั้งการลงทุนใน อีอีซี และการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่หลายๆอย่าง จึงฝากหลานๆทุกคนให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้มากกว่าเรื่องอื่นๆ ว่าเราจะเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร ต้องมีจุดมุ่งหมาย ไม่ใช่เรียนให้จบให้ผ่านและได้ปริญญาเพียงเท่านั้น ซึ่งการหางานไม่ใช่เรื่องง่ายนักในโลกปัจจุบัน ถ้าเราไม่เตรียมความพร้อมตัวเอง ความคิดและหลักการต่างๆ มันมีปัญหามากแน่นอน “ขอให้ทุกคนสนใจเรื่องการเรียนให้มากที่สุด สนใจสถาบันครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง ญาติ พี่ ป้า น้า อา นั่นคือเทือกเขาเหล่ากอของเรา เหมือนผมก็มีรากเหง้าของผม ถ้าเราไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนไม่ต้องมีความสัมพันธ์กับใครเลยไม่ใช่ โลกใบนี้อยู่แบบนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศไทยให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรมและศาสนา สิ่งสำคัญที่สุดคือวินัย ผมอาจเป็นทหารมาก่อนได้รับการฝึกปฏิบัติมาจึงไม่เคยต่อต้านเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าเราไม่มีวินัยก็สะเปะสะปะไปเรื่อย อยากทำอะไรก็ทำ อาจรบกวนสมาชิกคนอื่น จึงขอฝากไว้ด้วย”นายกฯ กล่าว