GC Group ประกาศแผนงานสู่เป้าหมาย “Together To Net Zero” ด้วยเป้าหมายระยะกลางในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดลง 20% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต การประกาศแผนการดำเนินงานในครั้งนี้ จะเสริมความแข็งแกร่งของ GC Group ด้วยการผสานนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูง นับเป็นอีกหนึ่งก้าวใหญ่ที่สุดของ GC ในการขับเคลื่อนความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับสากล ตอกย้ำการเป็น “เคมี..ที่เข้าถึงทุกความสุข” GC Group มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) พร้อมกับการบูรณาการหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนตามกรอบเป้าหมายการพัฒนาแบบยั่งยืน (SDGs)
GC วางแผนในการลงทุนสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 และจะลงทุนเพิ่มขึ้นในทศวรรษต่อไป เพื่อการบรรลุเป้าหมายโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจ ผ่านกรอบการดำเนินงานเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำด้วย 3 เสาหลัก (Three-Pillar Low Carbon Transition Framework)
“ผมมีความภูมิใจที่จะประกาศความมุ่งมั่น ‘Together To Net Zero’ ซึ่งให้ความสำคัญต่อการสร้างความสมดุลระหว่างกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจและผลลัพธ์ที่ยั่งยืน โดยได้กำหนดแผนงานที่ชัดเจนและตั้งเป้าหมายระยะกลางในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 20% ภายในปี 2573 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ตามข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ลดลง 50% เพื่อให้คู่ค้าและลูกค้าของเรา เข้ามามีส่วนในความมุ่งมั่นนี้ร่วมกัน ในฐานะพลเมืองโลกเราต้องการส่งต่อโลกใบนี้ ที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป และแน่นอนว่าเราไม่สามารถทำคนเดียวได้ ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องหันหน้ามาร่วมมือกัน Together To Net Zero” ดร.คงกระพัน กล่าว
“GC ตระหนักดีว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดในปัจจุบัน และได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ได้จัดอันดับให้ GC เป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ด้านความยั่งยืนถึงสองปีต่อเนื่อง สะท้อนถึงความพร้อมในการบรรลุเป้าหมายใหม่ในครั้งนี้ ด้วยการดำเนินการตามกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ จะทำให้เราสามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในพอร์ตโฟลิโอและห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของ GC Group รวมทั้งสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในธุรกิจของลูกค้าของเราด้วย”
GC ขับเคลื่อนสู่คาร์บอนต่ำ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย การดำเนินธุรกิจ และการชดเชยคาร์บอน กรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการเปลี่ยนแปลงในระดับสากลของ GC Group เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 โดยขับเคลื่อนด้วยเสาหลัก 3 ประการ ได้แก่
1. Efficiency-Driven การเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ โดยใช้หลัก “5R” และเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งเทคโนโลยีที่มีอยู่และเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และลดการใช้พลังงาน นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ และแสวงหาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำรูปแบบใหม่เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีในปัจจุบัน
2. Portfolio-Driven การบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของ GC Group ผ่านนวัตกรรมและการลงทุน โดยการปรับเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอไปสู่ธุรกิจและผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ อาทิเช่น การลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษมูลค่าสูง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม และผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุหมุนเวียน โดย GC ได้เข้าซื้อกิจการของ allnex ผู้นำระดับโลกในธุรกิจผลิตภัณฑ์ Coating Resins ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเคลือบและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุทุกประเภท รวมถึงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชั่นการพัฒนาแอพพลิเคชันการเคลือบต่างๆ โดย allnex ยึดถือนโยบายในการปล่อยคาร์บอนต่ำ และเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรม Coating มานานกว่า 70 ปี
โดยได้รับการจัดอันดับในระดับ Gold Ratings ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนจาก EcoVadis อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ NatureWorks ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ GC โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ NatureWorks ได้ประกาศการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอโพลีเมอร์แบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย ส่งผลให้ GC เป็นบริษัทเดียวในโลกที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจพลาสติกชีวภาพ รวมถึงการดำเนินโครงการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร
GC คาดว่า การปรับเปลี่ยนเพื่อมุ่งสู่ Net Zero จะส่งผลต่อเนื่องไปยังลูกค้า ซึ่งการบริหารพอร์ตโฟลิโอ มุ่งเน้นไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิต การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อสิ่งที่ดีกว่า รวมไปถึงการดูแลโลกด้วยผลิตภัณฑ์ที่จะส่งผลดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำการเป็น เคมีที่เข้าถึงทุกความสุข นอกจากนี้ การปรับพอร์ตโฟลิโอยังนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร เพื่อร่วมกันสร้างห่วงโซ่คุณค่าและการลดปริมาณขยะพลาสติก
3. Compensation-Driven เป็นเสาหลักสุดท้ายของกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยทางแก้ปัญหาที่มีธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-Based Solutions) รวมทั้งการจัดหาและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการดักจับคาร์บอน ผ่านแนวทางต่าง ๆ ได้แก่ Corporate Venture Capitals การสร้างพันธมิตร และการร่วมทุนทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
ดร.คงกระพัน กล่าวต่อว่า “เราตระหนักถึงความสำคัญในบทบาทของ GC Groupในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เรามุ่งเน้นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ชั้นนำให้กับลูกค้าตลอดห่วงโซ่คุณค่า ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การประกาศในวันนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของ GC ด้วยกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ จะทำให้เราสามารถพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้าของเราที่มีอยู่ทั่วโลก”
“เราเชื่อว่า เป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 จะสามารถสำเร็จลุล่วงได้ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และผู้บริโภค โดยการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะมีความสำคัญต่อการจัดการผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราพร้อมที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในระดับสากล และพร้อมที่จะสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยให้โลกของเรา สามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ไปด้วยกัน”