หลังรัฐบาลตะลุยใช้มาตรการทางด้านการคลัง เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ก็มาถึงคราวของ “แบงก์ชาติ” หรือธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ต้องงัด “มาตรการการเงิน” ออกมาสำทับช่วยดูแลเศรษฐกิจ
แม้ว่าก่อนหน้านี้…แบงก์ชาติเองได้ประคับประคองเศรษฐกิจ ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นการคงมาแล้ว 11 ครั้ง นับตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. เมื่อวันที่ 20 พ.ค..63
ขณะเดียวกันเมื่อพิษของโควิด ได้ทำลายเศรษฐกิจ ได้ทำให้คนไทยต้องทุกข์ยากแสนสาหัส ไม่มีเงิน หมดตัว ล้มหายตายจาก ต้องเป็นหนี้เพิ่ม แบงก์ชาติก็ออกสารพัดมาตรการมาช่วยเหลือดูแล เรื่องการลดหนี้ พักหนี้ หาทางให้มีสินเชื่อไปถึงมือให้ง่ายที่สุด เร็วที่สุด
ทั้งหลายทั้งปวง!! ก็เพื่อทำให้ชีวิตคนไทย ในเวลานี้ต้องอยู่รอดให้ได้!! จะด้วยวิธีไหนก็ตาม แต่ในเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ ก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
จะมาเกี่ยงงอนว่า…ต้องใช้มาตรการการคลัง เท่านั้น หรือมาตรการทางการเงิน ยังไม่เหมาะสม ณ เวลานี้ เหมือนในอดีต ตามที่เคยเป็นข่าวปรากฎอยู่บ่อย ๆ ไม่ได้อีกต่อไป
เพราะทุกฝ่ายต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่า ระบบเศรษฐกิจไทยขณะนี้ “หนักหนาสาหัส” เพียงใด!!
ล่าสุด!! แบงก์ชาติ ได้ยอมผ่อนปรนให้มีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ถึง 100% หรือ มาตรการแอลทีวี ให้กับบ้านทุกหลัง ไม่ว่าจะเป็นหลังแรก หลังที่สอง…สาม…สี่ หรือหลังไหนก็ตาม ไปจนถึง วันที่ 31 ธ.ค.65 โน่น
โดยแบงก์ชาติ ให้เวลาในการขอสินเชื่อในการซื้อบ้าน เป็นเวลา 1 ปีกับ 2 เดือนเศษ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ปี 62 ได้งัดมาตรการแอลทีวีมาบังคับใช้ โดยกำหนดให้แบงก์ปล่อยสินเชื่อซื้อบ้านที่เกิน 10 ล้านบาท สำหรับบ้านหลังแรก ได้ไม่เกิน 90% แต่ถ้าไม่เกิน 10 ล้านบาท ก็ปล่อยได้ 100%
ขณะที่บ้านหลังที่ 2 ได้กำหนดให้ปล่อยสินเชื่อได้ 80-90% ส่วนบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป จะปล่อยสินเชื่อ 70% ของมูลค่าหลักประกัน
ทั้งนี้ก็เพื่อลด “ความร้อนแรง” ของตลาดที่อยู่อาศัยที่แข่งขันกันสูงมาก จนทำให้มีทั้งเรื่อง เงินทอน การเก็งกำไร แข่งกันปล่อยกู้เกินมูลค่าหลักประกัน…ล่อตาล่อใจผู้กู้!!!
หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ อันตรายต่อเศรษฐกิจแน่นอน อาจไปซ้ำรอยวิกฤติต้มยำกุ้งเข้าให้อีกก็เป็นไปได้ จึงต้องเร่ง “สกัดปัญหา” ให้อยู่หมัด
ซึ่งก็ได้ผลดี สถานการณ์อยู่ในสายตา อยู่ในกำมือของแบงก์ชาติ แม้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา จากพิษของโควิด พิษของเศรษฐกิจโลก จนบรรดาภาคเอกชนอสังหาริมทรัพย์ ส่งเสียงเรียกร้องครั้งแล้ว ครั้งเล่า ให้แบงก์ชาติคลายกฎเหล็กแอลทีวี…นี้เสียที เพราะจะอยู่กันไม่ไว้แล้ว
แม้ว่าการเลือกผ่อนปรนในมาตรการแลทีวี ครั้งนี้อาจไม่ถูกที่ถูกเวลาซักเท่าใดก็ตาม เพราะทุกวันนี้ กำลังซื้อ กำลังบริโภค นั้นขาดมือ อำนาจการซื้อลดลง
แต่ด้วยเพราะภาคอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นภาคใหญ่ของเศรษฐกิจ มีสัดส่วนต่อจีดีพีเกือบ 10% และยังช่วยสร้างงาน ช่วยจ้างงานในระบบมากถึง 2.8 ล้านคน
การผ่อนคลาย “เกณฑ์หิน” รอบนี้น่าจะช่วยเติมเงินสินเชื่อเข้าระบบเศรษฐกิจได้อย่างน้อย ๆ ก็ประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจในปลายปีนี้ และปีหน้าเริ่มกระเตื้องขึ้นได้บ้าง
“ดอน นาครทรรพ” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ของแบงก์ชาติ บอกว่า ถือเป็นการกระตุ้นแบบเฉพาะจุด ที่เรียกได้ว่าเป็น “นาทีทอง” กันทีเดียว!!
เพราะมีผลถึงสิ้นปี 65 เท่านั้น !! หลังจากที่เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนจะไปสู่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะต่อไป
แม้ว่าเวลานี้คนส่วนใหญ่ยังรู้สึกฝืดเคือง โดยเฉพาะบรรดารากหญ้า รากแก้ว ที่ถูกพิษโควิด เล่นงานอย่างหนัก แต่ขระเดียวกัน ก็เชื่อได้ว่า “คนมีกำลังซื้อ” ก็ยังมีอยู่จำนวนไม่น้อย เพียงแค่ “ไม่มั่นใจ” เลยอยากเก็บเงินไว้กับตัวเองให้มากที่สุด ให้นานที่สุด
ที่สำคัญ!! เมื่อกระทรวงการคลังตัดสินใจให้ต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เหลือเพียง 0.01% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงสิ้นปี 65 เช่นเดียวกัน
แหม!! งานนี้ต้องเรียกว่า “กระสุน” มีเท่าใด ต้องงัดกันออกมาเพื่อประคองเศรษฐกิจให้ตลอดรอดฝั่งให้ได้!!
………………………………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo