สธ.ลุยฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส พร้อมมาตราการคุมโรคขั้นสูงสุด เดินหน้าฉลองปีใหม่ปลอดภัย เผยปี 65 วัคซีน 120 ล้านโดสทยอยเข้าไทย เริ่มตั้งแต่ต้นปี ลุ้นอาจได้บู๊สเข็ม 4 เดือน ก.พ.-มี.ค.
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 64 ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จ.นนทบุรี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินการจัดสัปดาห์แห่งฉีดวัคซีนโควิด 19 เนื่องในวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุขและวันพ่อแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 27 พ.ย. – 5 ธ.ค. 2564 ว่า ซึ่งเริ่มคิกออฟวันนี้เป็นวันแรก โดยตั้งเป้าหมายให้ถึง 100 ล้านโดส ภายในสิ้น พ.ย.นี้
ประเทศไทยมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดส หรือ 50 ล้านคน ซึ่งวันนี้ฉีดสะสม 92 ล้านโดส หรือ 92% ของกลุ่มเป้าหมาย และสัปดาห์นี้เป็นโค้งสุดท้ายที่ต้องพยายามให้ได้มากที่สุดให้ถึง 100 ล้านโดส แปลว่าคนไทยอย่างน้อย 70% จะมีภูมิต้านทาน และจากนั้นก็ยังฉีดต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้หาคนมาฉีดวัคซีนยากมาก
คนที่ยังไม่มาฉีดมี 3 ประเภท คือ 1.ลังเล จากการได้ข่าวไม่ชัดเจนเรื่องเสียชีวิตจากวัคซีน ซึ่งจากการติดตามผู้เสียชีวิตจากวัคซีนมีเพียงรายเดียว ถือว่าน้อยมาก ส่วนผลข้างเคียงอาจมีบ้างก็ได้รับการดูแล 2.คนที่จองวัคซีนไว้และอยากฉีดที่จองไว้ แต่รัฐบาลก็มีให้ อยากให้มาฉีดฟรี ส่วนวัคซีนที่สั่งจองไปก็อาจบริจาคคืนหลวง หรือบริจาคฉีดให้คนอื่น เพราะวัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่อยู่ในตัว และ 3. คนที่อยู่ห่างไกลเข้าถึงยากหรือไม่มีทะเบียน หรือคนต่างด้าวลอบเข้าเมือง
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า เราประมาณจำนวนประชากรไว้ 75 ล้านคน แต่ที่จริงๆ เรามีประชากร 67 ล้านคน ประมาณการณ์ว่าชาวต่างชาติในไทย 5 ล้านกว่าคน ช่วงระบาดใหญ่กลับไป 2-3 ล้านคน เราฉีดต่างชาติไป 1.8 ล้านคนก็เริ่มหายากแล้ว ซึ่งจากจำนวน 67 ล้านคน หากไม่รวมเด็กอายุ 0-11 ปีประมาณ 10 ล้านคน ก็เหลือประมาณ 57 ล้านคน เราฉีดคนไทยประมาณ 47-48 ล้านโดส เป็นเข็ม 1 ประมาณ 71% เข็ม 2 ประมาณ 61% ก็ถือว่าเหลือไม่มากแล้วสำหรับคนไทย แต่คนที่มาพำนักในไทยต้องได้ฉีดด้วย
โดยเรามีวัคซีนถึง 140 ล้านโดสในมือ ไม่ต้องตกใจว่าจะไม่ได้ หรือไม่ต้องไปฉีดวิธีอื่น อย่างฉีดใต้ผิวหนังที่ใช้โดสน้อยก็ไม่จำเป็น และเรามีวัคซีนทุกเทคโนโลยี ทั้งเชื้อตาย ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม , ไวรัลเวคเตอร์ แอสตร้าเซนเนกา และ mRNA ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ส่วนวัคซีนทางเลือกก็มี จึงเพียงพอทุกคนในประเทศไทย อย่างน้อย 2-3 เข็ม
สำหรับปี 2565 กระทรวงเตรียมวัคซีนบูสต์เข็ม 3 และ 4 ไว้หมดแล้ว ตกลงเซ็นสัญญา 120 ล้านโดส แม้จะมี 60 ล้านคน แต่เราเตรียมไว้เพราะอาจบูสต์จำนวน 1-2 เข็ม โดยวัคซีนจะทยอยมาตั้งแต่ต้นปี โดยเมื่อถึงเวลาก็อาจต้องฉีดเข็ม 4 ใน ก.พ.-มี.ค. ก็เป็นไปได้ ดังนั้น อยากให้ประชาชนช่วยกันเชิญชวนหรือตามคนที่ยังไม่ฉีดมาฉีดวัคซีนด้วยเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและสังคม ขอให้ช่วยกันรับผิดชอบ เพราะไม่อยากใช้มาตรการบังคับใครออกนอกบ้านต้องฉีดวัคซีน นอกจากนี้ ขอให้ปฏิบัติตัวป้องกันตนเองสูงสุดครอบจักรวาล เริ่มจากทัศนคติคนใกล้ตัวอาจมีเชื้อแพร่เชื้อได้ ต้องสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ และอย่าอยู่ด้วยกันเวลานาน
“สธ.เคยคุยกันว่าจะไม่ยอมให้มีการปิดประเทศ เพราะที่ผ่านมาการระบาดใหญ่ทำประเทศเจ็บปวดบอบช้ำ ตอนนี้เรารักษาโรคแล้ว 2 ล้านคน มีผู้ป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งตอนระบาดหนักมีเสียชีวิตขณะยังมาไม่ถึง รพ. ซึ่งจะไม่ให้เกิดขึ้นแล้ว ทั้งนี้ ยอมรับว่าตอนโรคระบาดใหม่ ทุกประเทศเอาไม่ทัน แต่ตอนนี้พร้อมตั้งหลักได้ จะป้องกันไม่ให้เกิดระบาดใหญ่อีก ต้องอาศัยความร่วมมือทุกฝ่าย ด้วยวัคซีน การป้องกันตนเอง และเมื่อไปสถานบริการต่างๆ ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ร้านกาแฟ ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ ร้านสะดวกซื้อ สธ.ก็เคร่งครัดการเข้าไปใช้บริการ เน้นใส่หน้ากาก วัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง” นพ.เกียรติภูมิ
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า เราพบว่าภาคพื้นยุโรปเกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก เกิดจากฉีดแค่ 2 เข็ม แต่ประเทศไทยนักวิชาการเราเก่งก็แนะนำฉีดเข็ม 3 ฉีดไป 3-4 ล้านโดส ทำให้ประเทศไทยยังไม่มีการติดเชื้อรุนแรง การติดเชื้อรายวันเป็นไปตามเป้าหมายที่ควบคุมไว้ ลดลง ประมาณต้น ธ.ค.น่าจะเหลือต่ำกว่า 5 พันรายต่อวัน และเสียชีวิตน่าจะประมาณ 30-40 รายต่อวัน ก็กำลังเข้ามาสู่แนวนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ระบบสาธารณสุขไทยรองรับได้สบาย ตอนนี้เราใช้เตียงประมาณ 33-34% เหลือประมาณ 60 กว่า% ก็จะรองรับได้และดูแลโรคอื่นได้ด้วย
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า อย่างร้านอาหารที่ดื่มสุราได้ ต้องทำมาตรการ COVID Free Setting คือ สถานที่สะอาด ถูกสุขอนามัย มีการเว้นระยะห่าง มีเจลแอลกอฮอล์ มีการตรวจอุณหภูมิ พนักงานต้องฉีดวัคซีนทุกคน คนไปดื่มต้องไปแสดงผลวัคซีน หรือตรวจ ATK ไม่มีเชื้อ มีภูมิถึงปลอดภัย จึงผ่อนคลายสถานบริการให้ได้มากที่สุดแต่ป้องกันการระบาดโรคด้วย
ส่วนผับบาร์ คาราโอเกะ ก็อยากเปิด เห็นใจ แต่เที่ยวที่ผ่านมากิจการนี้ทำให้แพร่กระจายจำนวนมาก จึงขอเวลา ถ้าทำตามมาตรการนี้ได้ก็จะคุมการระบาดได้ ร้านก็จะติดป้ายว่าเป็น COVID Free Setting หรือ SHA Plus ก็เข้าไปใช้บริการได้ หากไม่เป็นไปตามนี้ให้แจ้งกลับมาบอกเพื่อตรวจสอบ ถ้าไม่ร่วมมือติดเชื้อใหญ่ก็กลับไปอยู่ที่เดิม ซึ่งหาก ธ.ค.นี้ช่วยกันเคร่งครัด เราก็จะคริสต์มาสได้ เคาท์ดาวน์ได้ ฉลองช่วง ธ.ค.ได้แน่นอน เป็นเดือนแห่งความสุข และเข้าสู่ปีหน้าด้วยนิวนอร์มัลอยู่กับไวรัสได้ใกล้เคียงปกติที่สุด.