CRC ปิดดีลใหญ่ ลงทุน 4,500 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น Grab สตาร์ทอัพระดับ Decacorn รายแรกของอาเซียน
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) ผู้นำค้าปลีกและแพลตฟอร์มออมนิแชแนลอันดับ 1 ของประเทศไทย ประกาศปิดดีลใหญ่ เข้าซื้อหุ้น Grab ประเทศไทย ซึ่งเป็นเบอร์ 1 Superapp ของอาเซียน ด้วยเงินลงทุน 4,500 ล้านบาท โดยได้เข้าซื้อหุ้น Porto Worldwide Limited (“Porto WW”) ในสัดส่วน 67% ซึ่งลงทุนในแกร็บแท็กซี่ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด การปิดดีลในครั้งนี้ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญเพื่อต่อยอดให้ เซ็นทรัล รีเทล เป็น Digital Retail ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของประเทศไทย และตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบวงจรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง นอกจากนั้น มีโอกาสที่ เซ็นทรัล รีเทล จะได้ประโยชน์จากการลงทุนเพิ่มจากสิทธิ์ในการแลกหุ้นใน แกร็บแท็กซี่ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) ไปเป็นหุ้นของ Grab Holdings Limited (“GHL”) บริษัทแม่ของ Grab ที่จะทำการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 3 ธันวาคม 2564 (ตามเวลาในประเทศไทย) โดยมูลค่าหุ้น GHL ณ ราคา IPO (10 ดอลลาร์สหรัฐ) ที่ Porto WW จะถือหากใช้สิทธิ์แลกหุ้น คิดเป็นประมาณ 14,000 ล้านบาท* (*มูลค่าหุ้นคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 USD = 33.72 บาท)
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “Grab ถือเป็นบริษัทสตาร์ทอัพระดับ Decacorn รายแรกของอาเซียน (บริษัท สตาร์ทอัพที่มีมูลค่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป) เซ็นทรัล รีเทล ตัดสินใจลงทุนใน Grab เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพของ Grab Superapp ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน สำหรับในประเทศไทย เซ็นทรัล รีเทล เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญกับ Grab มาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเปิดธุรกิจในประเทศไทย จนทำให้ Grab ประสบความสำเร็จเป็นผู้นำอันดับ 1 ของแพลตฟอร์มการบริการที่ครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจ บริการเดินทาง บริการส่งอาหาร บริการระบบโลจิสติกส์ บริการจองโรงแรมและที่พัก และบริการทางด้านการเงิน เราจะนำเอาความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายมาเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าคนไทยทุกคน วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญและความภาคภูมิใจที่เราได้มีพันธสัญญาร่วมกัน เพื่อยกระดับวงการค้าปลีกและบริการของไทย ร่วมผลักดันเศรษฐกิจประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง เรามีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะนำพาองค์กรไปสู่การพัฒนาและการเติบโตอย่างยั่งยืน”