หน้าแรกHighlightไทยเนื้อหอม!!ต่างชาติขนเม็ดเงินลงทุน 5เดือนแรกทะลุ8.89หมื่นล.‘ญี่ปุ่น’แชมป์

ไทยเนื้อหอม!!ต่างชาติขนเม็ดเงินลงทุน 5เดือนแรกทะลุ8.89หมื่นล.‘ญี่ปุ่น’แชมป์

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อรมน” เผย 5 เดือนแรกปี 68 ต่างชาติลงทุนในไทย 88,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% ญี่ปุ่นแชมป์ 41,062 ล้านบาท รองลงมาเป็นสิงคโปร์ 11,429 ล้านบาท และจีน 7,539 ล้านบาท

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. – พ.ค.) ได้ออกใบอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 426 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 105 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 321 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวม 88,943 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% หากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 71,702 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก

1.ญี่ปุ่น 85 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 41,062 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย หรือ ให้บริการ ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ แผ่นวงจรพิมพ์ (Printed Circuit Board) ชิ้นส่วนยานพาหนะ เครื่องจักรสำหรับงานอุตสาหกรรม

2.สหรัฐอเมริกา 62 ราย คิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 2,763 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยเป็นการให้คำปรึกษาแนะนำ และออกแบบเกี่ยวกับงานด้านวิศวกรรมธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องจักร เครื่องมือ และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตแผ่นวงจร ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป อุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องสำอางธุรกิจบริการตรวจสอบ วิเคราะห์ วิจัย และประเมินคุณภาพของอัญมณีและเครื่องประดับิ ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น สิ่งปรุงแต่งอาหาร โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ Captive Screw for PCB

3. จีน 53 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ ลงทุน 7,539 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ชิ้นส่วนโลหะ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย หรือ ให้บริการ ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนยานพาหนะ ชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป แม่พิมพ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และ บรรจุภัณฑ์จากกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

4.สิงคโปร์ 52 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ ลงทุน 11,429 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบ ตลอดจนการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำด้านการปฏิบัติการของงานระบบควบคุมกำกับดูแลและเก็บข้อมูลสำหรับโครงการรถไฟฟ้า ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัยธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล

ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ไนโตรเซลลูโลสสำหรับอุตสาหกรรม อาหารสัตว์เลี้ยง Printed Circuit Board เครื่องจักรอัตโนมัติที่มีขั้นตอนออกแบบระบบควบคุมการปฏิบัติงานด้วยสมองกลเอง ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ

5.ฮ่องกง 44 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 7,475 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัยธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าธุรกิจบริการ Data Center, Cloud Services

ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม ผลิตภัณฑ์โลหะขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่าเทียบเรือและความปลอดภัยการขนถ่ายสินค้า องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบจัดการเชื้อเพลิง องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการคลังสินค้า เป็นต้น

สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงมกราคม – พฤษภาคม 2568 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 129 ราย คิดเป็น 30% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 30 ราย หรือ 30% (มกราคม – พฤษภาคม 2568 ลงทุน 129 ราย / มกราคม – พฤษภาคม 2567 ลงทุน 99 ราย) โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 47,744 ล้านบาท คิดเป็น 54% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจาก *ญี่ปุ่น 37 ราย ลงทุน 23,896 ล้านบาท *จีน 30 ราย ลงทุน 4,460 ล้านบาท *สิงคโปร์ 11 ราย ลงทุน 6,022 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 51 ราย ลงทุน 13,366 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องจักร เครื่องมือ และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี และชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล

ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนกลุ่มภาพและเสียง หุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับผลิตและตรวจสอบคุณภาพการผลิต และผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น ทั้งนี้ เฉพาะเดือนพฤษภาคม 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 63 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 18 ราย และ การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 45 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 31,083 ล้านบาท

ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และจีน ตามลำดับ มีการจ้างงานคนไทย 244 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการช่วยชีวิตขั้นสูงสำหรับผู้ปฏิบัติงานบนแท่นขุดเจาะ องค์ความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษาระบบเรือผลิตกักเก็บและขนถ่ายที่ใช้ในการผลิตปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ องค์ความรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมควบคุมเครื่องจักรขั้นสูง เป็นต้น

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img