“เทพไท” เสนอรัฐบาลทบทวนวิธีการสลายม็อบ ต้องยึดหลักการเจรจา มากกว่าใช้กำลัง
วันที่ 8 ธ.ค.64 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า ผมเห็นข่าวการสลายกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น ที่ปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อคืนก่อนนั้น มีการโยนความผิดกันไปมา และปฏิเสธความรับผิดชอบกันเป็นพัลวัน สำหรับเรื่องนี้ผมไม่มีความเห็นความเหมาะสมของโครงการนิคมอุตสาหกรรม ที่กลุ่มชาวจะนะรักษ์ถิ่น มาเรียกร้องต่อรัฐบาล และการผิดข้อตกลงของรัฐบาลกับชาวบ้าน หรือที่พล.อ.ประยุทธ์ ปฎิเสธ MOUของ ร.อ.ธรรมนัส แต่จะขอแสดงความเห็นเฉพาะในส่วน ที่เกี่ยวกับการสลายการชุมนุมเท่านั้น ว่าการชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ถ้าหากประชาชนชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ รัฐบาลต้องปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.)สลายการชุมนุม ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลเสียหาย มีการตำหนิพุ่งเป้าไปยังตัวนายกรัฐมนตรี เพราะจะออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้สั่งและไม่รับรู้ก็ไม่ได้ เพราะพลเอกประยุทธ์ นอกจะเป็นนายกรัฐมนตรีผู้มีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศแล้ว ยังเป็นประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (กตช.) ที่ควบคุมกำกับบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง ด้วยการที่ คฝ.ใช้วิธีการสลายการชุมนุมชาวบ้านกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น ที่มีจำนวนไม่มาก ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งรัฐบาลน่าจะเลือกใช้วิธีการเจรจาพูดคุย แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในการคุยครั้งแรก หรือครั้งที่สอง ก็ควรจะมีความอดทน พูดคุยเจรจาต่อไป จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ดีกว่าใช้กำลังสลายการชุมนุม ซึ่งเป็นภาพที่เสียหาย รังแกประชาชน รังแกผู้หญิง เพราะจับกุมผู้หญิง 31 คน ผู้ชาย 5 คน การกระทำครั้งนี้ทำให้สังคมมีความรู้สึกว่า รัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ ลุแกอำนาจ เหมือนกับ การกระทำต่อกลุ่มม็อบต่างๆ ที่ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมาจนเคยตัว จึงนำวิธีการดังกล่าว มาใช้กับการชุมนุมของชาวจะนะรักษ์ถิ่นในครั้งนี้ด้วย
“จึงขอให้รัฐบาลทบทวนวิธีการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้วิธีการพูดคุยเจรจา แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย มากกว่าการใช้กำลังสลายการชุมนุม แม้ว่าจะใช้เวลานานและยืดเยื้อไปบ้าง ก็ดีกว่าการใช้ความรุนแรง ที่ทำให้มีผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจของประชาชน”นายเทพไท กล่าว