“ศักดิ์สยาม” เร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบิน หลังโควิดซา ดันไทยเป็นฮับการบินในภูมิภาค ด้านไออาร์ต้าคาดปี 74 ไทยจะมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางเข้าออกอันดับ 9 ของโลก หรือ 200 ล้านคนต่อปี คมนาคมหวังสร้างรายได้เข้าประเทศ-หลุดพ้นประเทศกับดักรายได้ปานกลาง
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาอุตสาหกรรมการบินของไทย ประจำปี64 ภายใต้หัวข้อ ทะยานสู่การบินบริบทใหม่ (Thai Aviation Industry Conference 2021 : flying to the new era of Thai aviation) ว่า อุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 85,000ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ7.7%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ(จีดีพี) และสามารถสร้างการจ้างงานในระบบอุตสาหกรรมการบินโดยรวมได้กว่า 700,000 ตำแหน่ง
โดยในปี 55-62 ที่ผ่านมาพบว่าอัตราการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามายังประเทศ ไทยสูงขึ้นในทุกๆปีเฉลี่ยประมาณ 9.4%ต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณเที่ยวบินที่มีอัตราการเติบโตกว่า 7.62%ต่อปี โดยในปี 62 มีปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยกว่า 165 ล้านคนต่อปี มีปริมาณเที่ยวบินกว่า 1 ล้านเที่ยวบิน มีปริมาณการขนส่งสินค้ากว่า 1.5 ล้านตัน
นอกจากนี้พบว่าก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิดในปี 62 ประเทศไทยมีเส้นทางการบินกว่า 449 เส้นทาง แบ่งเป็น เส้นทางบินในประเทศ 67 เส้นทางบิน เส้นทางบินระหว่างประเทศ 380 เส้นทาง ประกอบกับสถานที่ที่ตั้งประเทศไทยเหมาะสมที่เป็นศูนย์กลางทางการบิน
ทั้งนี้หลังจากเกิดการแพร่ระบาดโรคโควิดทำให้มีการจำกัดการเดินทาง ส่งผลให้การเดินทางทางอากาศลดลงกว่า 64% ผู้โดยสารต่างประเทศลดลงกว่า 81% จากปี62 และจากการแพร่ระบาดยังมีอยู่ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.)คาดว่าปริมาณการเดินทางจะลดลงมากกว่า 62.1%
ดังนั้นรัฐบาลจึงได้มีนโยบายเปิดประเทศ ควบคู่การดำเนินการตามมาตราการสาธารณสุข ทำให้ในช่วง2เดือนของปี มีการฟื้นตัวด้านการเดินทางเพิ่มขึ้น
ขณะที่คณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กบร.) และหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม ได้แก่ กรมท่าอากาศยาน (ทย.), บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท., บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) และ กพท. กำลังพิจารณามาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบินระยะที่ 4 เพื่อช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินในช่วงปี 65-68
นอกจากนั้นได้มอบนโยบายให้ ทย. ร่วมกับกรมการค้าภายใน (คน.) ในการนำสินค้าทางการเกษตรมาขายและให้ประชาชนสามารถขนขึ้นเครื่องได้, ให้ ทย.จัดตั้งศูนย์จำหน่ายและกระจายสินค้าโอทอปในทุกสนามบิน รวมถึงให้นโยบาย ทย. และ ทอ. ในการรับโอนย้ายสนามบินที่มีศักยภาพของ ทย. เช่น สนามบินกระบี่ สนามบินอุดรธานี และสนามบินบุรีรัมย์ มาอยู่ในความรับผิดชอบ ทอท.
อย่างไรก็ตามการพัฒนาสนามบินให้มีศักยภาพต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งขณะนี้คมนาคมได้เร่งดำเนินการในทุกมิติ เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางบินในภูมิภาคด้วย
ทั้งนี้ทางสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ ไออาร์ต้า ได้มีการคาดการณ์ว่าในปี 74 ประเทศไทยจะมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางเข้าออกมากเป็นอันดับ 9 ของโลก หรือประมาณ 200 ล้านคนต่อปี ซึ่งหากสามารถดำเนินการตามศักยภาพและปัจจัยที่มีสร้างรายได้เข้าประเทศ เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะหลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลาง