“สนธิรัตน์”ยกบทเรียนต่างประเทศรับมือโอไมครอน โดยเฉพาะการจำกัดการรวมตัวของผู้คนจำนวนมาก เชื่อหลังปีใหม่กระทบเศรษฐกิจแน่
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “รับมือ Omicron อย่าให้ซ้ำรอย Delta “ แสดงความเห็นต่อแนวทางรับมือโควิดกลายพันธุ์ ผ่านเพจส่วนตัว โดยมีรายละเอียดดังนี้
“ช่วงนี้หลาย ๆ ท่านที่ติดตามข่าวโควิด19 คงได้เห็นหลาย ๆ ประเทศยกระดับมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ระดับสูงอีกครั้ง ภายหลังมีการค้นพบการกลายพันธ์ของ Omicron ที่คาดกันว่าจะแพร่กระจายได้รวดเร็วกว่าสายพันธ์อื่น ๆ หลายเท่าตัว
1-2 เดือนที่ผ่านมามีการตรวจพบสายพันธุ์ Omicron ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยครับ แม้ว่า ในช่วงแรกหลายประเทศจะมีมาตรการในการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของประชากรในพื้นที่ระบาด แต่ดูเหมือนมาตรการเหล่านี้จะไม่สามารถสะกัดเจ้า Omicron ได้เลยครับ
อย่างข้อมูลล่าสุดของสหรัฐอเมริกาชี้ชัดว่าปัจจุบัน Omicron ได้กลายเป็นสายพันธ์หลักของผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Omicron นี้ยังเป็นต้นเหตุของการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อในอังกฤษและยุโรปหลายชาติด้วยครับ
แต่ที่น่ากังวลกว่านั้นคือล่าสุดสิงคโปร์พบการระบาดเป็นคลัสเตอร์ของ Omicron ภายในประเทศเป็นครั้งแรกครับ ซึ่งไม่ใช่การเดินทางมาจากต่างประเทศเหมือนที่หลายประเทศในอาเซียนตรวจพบ อย่างในกรณีของประเทศไทย
ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มมีการงัดมาตรการสกัดกั้นโควิด19 ในอดีตกลับมาใช้อีกครั้งครับ โดยเฉพาะในเนเธอร์แลนด์ที่คาดว่าจะมีการนำมาตรการ Lockdown กลับมาใช้อีกครั้ง เช่นเดียวกับอังกฤษที่เริ่มมีการพิจารณามาตรการนี้เช่นกัน
ในขณะที่องค์การอนามัยโลกออกมาวิงวอนให้ประเทศต่างๆ งดการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด19 อีกครั้งครับ
แต่ต้องบอกอย่างนี้ครับว่า มาตรการของหลายๆ ประเทศยังคงเน้นการขอความร่วมมือในการงดการรวมกลุ่มที่มากเกินความจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ หรือการรณรงค์การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เป็นหลักครับ
ในขณะเดียวกันมาตรการจำกัดการเดินทางของนักท่องเที่ยวและประชากรจากภายนอกประเทศถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางป้องกันการระบาดด้วยเช่นกัน ซึ่งบางประเทศได้นำมาตรการกักตัวกลับมาใช้อีกครั้ง รวมถึงประเทศไทยด้วยครับ
แน่นอนว่า เหตุผลที่ทำให้มาตรการโควิด-19 ของหลายประเทศไม่เข้มข้นมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นผลสำคัญมาจากการฉีดวัคซีนมีปริมาณมากขึ้นครับ และอีกส่วนคือมาตรการที่เข้มงวดเกินไปส่งผลให้มีประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ เช่นในเนเธอร์แลนด์ หรือแม้แต่อังกฤษครับ
ฉะนั้นรัฐบาลแต่ละประเทศจึงพยายามรักษาสมดุลระหว่างการป้องกันโรคระบาดกับประเด็นทางเศรษฐกิจครับ
ดังนั้น สำหรับประเทศไทยหากต้องการรับมือกับการระบาดของ Omicron อาจใช้บทเรียนของประเทศเหล่านี้มาใช้รับมือได้ครับ โดยเฉพาะการจำกัดการรวมตัวของผู้คนจำนวนมาก
ข้อมูลของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์หลายคนเห็นตรงกันว่าการระบาดของ Omicron หลังปีใหม่จะสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าผลตอบแทนที่ได้รับจากการยืนยันจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงปีใหม่ต่อไปครับ
รัฐบาลจึงควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้อย่างรอบคอบ และสร้างมาตรการที่เหมาะสม ทันเวลา สอดรับสภาวะของสถานการณ์”