พท. เปิดตัว “สุรชาติ เทียนทอง” ชิงเก้าอี้ ส.ส.หลักสี่ – จตุจักร ด้าน “ชลน่าน” เป็นศึกระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย – เผด็จการ แนะปชช.กอบกู้ศักดิ์ศรีตัวเอง
วันที่ 29 ธ.ค. 64 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 หลักสี่ – จตุจักร
โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีมติเอกฉันท์ให้ส่งนายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแทนตำแหน่งในเขตเลือกตั้งที่ 9 หลักสี่ – จตุจักร นอกจากนี้กก.บห.พรรคยังเห็นชอบ แต่งตั้งนายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็น ผอ.เลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง ของเขตเลือกตั้งที่ 9 หลักสี่ – จตุจักร
ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยประกาศชัดเจนว่า เรามุ่งหวัง มั่นใจ ว่าประชาชนเขตหลักสี่ – จตุจักร จะให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เรามีโอกาสที่จะได้รับการยอมรับ และเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เหตุผลที่เรามั่นใจ คือ ผู้สมัครรับเลือกตั้งของเราเป็นอดีต ส.ส.ในเขตเลือกตั้งนี้มานาน แม้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะได้อันดับที่ 2 แต่นายสุรชาติมีความตั้งใจจริง แม้ไม่ได้เป็นผู้แทนที่ได้รับเลือก แต่เป็นผู้แทนของประชาชนอย่างแท้จริง จากการทำงานตลอด 17 ปี นายสุรชาติไม่เคยทิ้งพื้นที่ แต่แก้ปัญหาให้ประชาชนเสมอ นี่คือความเสมอต้นเสมอปลาย
“พรรคเพื่อไทย และนายสุรชาติ มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างเข้มข้น ร่วมต่อสู้ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนที่ถูกกระทำจากการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การต่อสู้ครั้งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของผู้ที่โหยหาประชาธิปไตย กับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตยแต่แฝงเร้นไปด้วยอำนาจเผด็จการ การเลือกตั้งครั้งนี้ถ้าประชาชนต้องการประชาธิปไตย นายสุรชาติเป็นนักประชาธิไตยที่พร้อมเป็นตัวแทนประชาชน โดยเฉพาะการช่วยเหลือเหยื่อผู้ที่ถูกกระทำจากการเรียกร้องประชาธิปไตย”นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งเพื่อศักดิ์ศรีของคนที่รักประชาธิปไตย และศักดิ์ศรีของชาวหลักสี่ – จตุจักร หลังจากวันที่ 24 มี.ค.62 เป็นต้นมา สิ่งที่คนในพื้นที่ถูกพูดถึงหลายเรื่อง ทำให้คนหลักสี่อับอาย ถูกด้อยค่า จากการกระทำของผู้แทน ถ้าตัดสินใจเลือกนายสุรชาติ เรามั่นใจว่าศักดิ์ศรีของชาวหลักสี่ – จตุจักร จะกลับมา ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิจำนวนมาก ร้อยละ 70 ขึ้นไป และการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะเป็นก้าวแรกของการได้รัฐบาลใหม่
นายสุรชาติ กล่าวว่า ขอบคุณกรรมการสรรหา และกก.บห.พรรค ที่ให้โอกาสเป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งความหมายโดยเฉพาะพรรคการเมือง ที่จะเป็นการวัดกระแสความนิยมของพรรคต่างๆ ก่อนมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และแนวโน้มที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่ในอีกไม่นานนี้ และมีความสำคัญต่อชาวหลักสี่ – จตุจักร นี่คือศักดิ์ที่จะตัดสินใจว่าพี่น้องประชาชนอยากได้ผู้แทนของเขาแบบไหน ส่วนตัวการเลือกตั้งครั้งนี้มากกว่าการเลือกตั้ง การแข่งขัน และผลแพ้ชนะ แต่เป็นก้าวสำคัญที่สุดในชีวิตการทำงาน เป็นก้าวที่จะพิสูจน์ อุดมการณ์ ความเชื่อ ความตั้งใจ ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งตนต้องการทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น ซึ่งหน่วยงานราชการถือเป็นส่วนสำคัญ แต่ที่ผ่านมาจากระบบที่กดทับตีกรอบข้าราชการ ตนจึงมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบราชการ ให้ตอบสนองประชาชนอย่างแท้จริง สุดท้ายขอขอบคุณทุกพรรคที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ตนดูแคนดิเดตของทุกพรรคแล้ว ต้องขอขอบคุณแทนประชาชน คิดว่าทุกพรรคน่าจะสรรหาตัวเลือกที่ดีที่สุดมาเป็นตัวแทนประชาชน ตนไม่ได้แข่งกับใคร แต่ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อในทุกๆวันอยู่แล้ว โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ด้าน นายสรวงษ์ เทียนทอง ผอ. เลือกตั้งฯ กล่าวว่า เราจะมีการปราศรัยใหญ่ 1 ครั้ง ส่วนการลงพื้นที่ นายสุรชาติลงพื้นที่ทุกวันอยู่แล้ว อยากขอความกรุณาชาวหลักสี่ – จตุจักร ได้ใช้โอกาสครั้งนี้แสดงพลัง ตนอยากให้คะแนนที่ออกมาสวยงาม สิ่งต่างๆที่นายสุรชาติทำมาตลอดชีวิต เขาให้ชีวิตนี้กับคนหลักสี่ คนจตุจักร ไม่ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งไหน เขาก็ลงพื้นที่ทุกวัน อยากให้ทุกท่านได้ให้โอกาสนายสุรชาติ ได้เข้ามาทำงานร่วมกับพี่น้องส.ส.กทม. ในนามพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ในนาม ส.ส.กทม. นายสุรชาติ ถือเป็นตัวแทนพรรคในการกอบกู้ศักดิ์ศรีชาวหลักสี่ – จตุจักร เพราะผลการเลือกตั้งปี 62 ยังเป็นข้อกังขาเรื่องความไม่โปร่งใส และเป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่มีคำตอบ เราไม่สบายใจแต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษของนายสุรชาติ บอกว่าไม่เป็นไร แต่ตัวท่านเองจะอยู่กับประชาชนไม่ทิ้งประชาชน และเชื่อว่าประชาชนจะไม่ทิ้งนายสุรชาติ ครั้งนี้เราขอให้การเลือกตั้งมีความโปร่งใส เป็นธรรม ยุติธรรมกับทุกฝ่าย และถ้าจะชนะต้องชนะให้ขาด นายสุรชาติจึงขอคะแนนจากพี่น้องชาวหลักสี่ – จตุจักร ลงคะแนนให้นายสุรชาติเป็นส.ส.อย่างภาคภูมิใจ
