“ยุบสภา”ปักหมุดจบประชุมเอเปค

พรรคการเมืองโหมโรงปี่กลองเตรียมลงสู่สนามการเลือกตั้งกันแล้ว ในห่วงปีสุดท้ายของเทอมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

พอพลิกดูปฏิทินการเมืองฉบับมือกฎหมายของรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ โดยเฉพาะเมื่อกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้  

ทั้งร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และ ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 

โดยเฉพาะกฎหมายการเลือกตั้งส.ส.ที่จะสะเด็ดน้ำในเดือนพ.ค.65  

ระหว่างที่ประชุมรัฐสภาพิจารณากฎหมายลูก แทบปิดประตูนายกฯยุบสภา เพราะจะเกิดปัญหาตามมา ต้นเหตุมาจากมี “มือดี” ตัดถ้อยคำหั่นอำนาจ “กกต.วางรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง” กรณีกฎหมายลูกไม่เสร็จในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งออก 

และตามบทเฉพาะกาลกำหนดให้กกต.ดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขตให้เสร็จภายใน 90 วัน นับแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้ เดือนส.ค.65 ถึงแบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จ 

แม้เจอแรงกดดันถาโถมเรียกร้องให้ “นายกฯยุบสภา” คงไม่ระคายผิว “บิ๊กตู่” เพราะจังหวะนั้น รัฐบาลมุ่งหน้าเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปค

“โดยหลักนานาชาติคาดหมายอยากประชุมและเจรจากับรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม” นายวิษณุบอกใบ้รัฐบาลลากยาวจนจบการประชุมเอเปค สอดรับกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ สำทับ “รัฐบาลอยู่จนประชุมเอเปคจบ” 

มือกฎหมายรัฐบาลและมือฝ่ายความมั่นคง ประสานเสียงโดยไม่หวั่นเกิดอุบัติเหตุการเมือง 

แล้วเมื่อหันไปดูลีลาเซียนกฎมายออกแบบระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ พ่วงกฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส. เหมือนปูพรมแดงให้ “บิ๊กตู่” กลับมาเป็นนายกฯอีกสมัย 

เช่น กฎหมายเลือกตั้งส.ส.กำหนดให้นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง เอื้อต่อบรรดาหัวคะแนน-ประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ที่ขายเสียงไม่กล้าหักหลัง หวั่นเกิดอันตรายจากกลุ่มอิทธิพลของคนซื้อเสียง 

ล่าสุดเกิดขึ้นที่เลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.นครศรีธรรมราช มีบางพรรคหาเสียงตลอด 24 ชั่วโมง กลางคืนใช้ “ทีมข่มขู่” โดยมีนายทหารนอกแถวบางกลุ่ม ลงพื้นที่เดินกำกับ ควบคุมการซื้อเสียง กดดันผู้นำท้องถิ่น ใช้นักเลงหัวไม้กดดันหัวคะแนนฝ่ายตรงข้าม ใช้กลไกรัฐสีเขียว สีกากีเปิดไฟเขียวอำนวยความสะดวกซื้อเสียงเต็มที่ 

กลางวันจัด “ทีมปลอบขวัญ” กระจายปูพรมให้กำลังใจประชาชน เสมือนให้ลืม หรือไม่ต้องหวั่นไหวเหตุการณ์กลางคืนที่เหมือนฝันร้าย  

“โมเดลนครศรีธรรมราช” ทีมข่มขู่กลางคืน ทีมปลอมขวัญกลางวัน กำลังนำมาทดสอบประสิทธิภาพที่เลือกตั้งซ่อมเขต 1 จ.ชุมพร หากสนามนี้ทดสอบผ่านและนำโมเดลนี้ไปใช้กับการเลือกตั้งใหญ่ จะเกิดอะไรขึ้น 

“อาจนำไปสู่การเลือกตั้งที่สกปรกเหมือนปี 2500 สมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม นำไปสู่การเดินขบวนของนิสิตนักศึกษา เกิดเหตุวิกฤติทำให้เกิดการยึดอำนาจ” นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เตือนหวั่นเป็นชนวนเผาประเทศไทย 

ฉะนั้น “หนามยอกเอาหนามบ่ง” สมาชิกรัฐสภาควรแปรญัตติเปลี่ยนจากนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง เป็นนับคะแนนที่อำเภอแทน เพื่อแก้ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง 

เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า หน่วยเลือกตั้งใดเลือกผู้สมัครคนใดมากน้อยแค่ไหน ย่อมทำให้ผู้สมัครที่ต้องการซื้อเสียงไม่กล้าลงทุนซื้อเสียง  

เป็นมาตรการดัดหลังนักการเมืองซื้อเสียงให้สิ้นซากจากระบบการเมืองไทย

………………………

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก

โดย #ราษฎรเต็มขั้น