วันอังคาร, เมษายน 30, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSศึกเลือกตั้งซ่อม.....“ชุมพร-สงขลา” สนามสู้รบ เดือดจนถึงนาทีสุดท้าย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ศึกเลือกตั้งซ่อม…..“ชุมพร-สงขลา” สนามสู้รบ เดือดจนถึงนาทีสุดท้าย

เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายกันแล้วสำหรับศึกเลือกตั้งซ่อมส.ส. “ชุมพร-สงขลา” เพราะนับจากนี้ ก็เหลืออีกหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ก็จะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อาทิตย์ที่ 16 ม.ค.65

พบว่ายิ่งเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย สมรภูมิการแข่งขัน-หาเสียง ก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับ 3 ผู้สมัครจาก 3 พรรคการเมืองที่ส่งคนลงแข่งขันใน 2 พื้นที่เลือกตั้งซ่อมดังกล่าว คือ “ประชาธิปัตย์” แชมป์เก่าที่สู้เพื่อรักษาที่นั่งเดิมกับคู่ท้าชิงหลักคือ “พลังประชารัฐ” โดยมีตัวสอดแทรก ที่แม้คนภายนอกจะมองว่า แค่เข้ามาสร้างสีสัน แต่คนในพรรคก็หวังจะพลิกชนะ นั่นก็คือจาก “พรรคกล้า” ขณะที่ผู้สมัครจาก “พรรคก้าวไกล” ที่ก็ส่งคนลงทั้ง 2 เขต จับกระแสดูแล้ว น่าจะเข้าป้ายชนะได้ยาก

ที่น่าสังเกตุคือ ตอนนี้เริ่มพบ “สัญญาณเดือด” ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงแล้ว เห็นได้จากกรณีที่ประชาธิปัตย์ออกมาปูดข่าวเรื่อง “เสธ.ต.” นายทหารคนดังจากภาคอีสาน ลูกน้องอดีตบิ๊กทหารผู้กว้างขวางในภาคอีสาน เข้าไปในพื้นที่จังหวัดชุมพรพร้อมกับนายทหารจำนวนหนึ่ง ซึ่งประชาธิปัตย์โวยว่าเป็นความเคลื่อนไหวแบบผิดสังเกตุที่ทหารจากภาคอีสานจะลงมาภาคใต้ในช่วงนี้ แต่ข่าวที่ประชาธิปัตย์ไม่ได้พูด แต่รู้กันในพรรคและในพื้นที่ก็คือ “คนประชาธิปัตย์” เคยเจอฤทธิ์เดชของ “คนมีสี” ในเครือข่ายท็อปบู้ต ที่เข้ามาช่วยนาย-อดีตผู้บังคับบัญชาในการเลือกตั้งเป็นอย่างดี เพราะเจอมาแล้วทั้งตอนเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 และตอนเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช แต่ทั้ง 2 ครั้งประชาธิปัตย์ ปล่อยผ่านไป เพราะประมาทไปหน่อย มาครั้งนี้ เลยรีบปูดข่าว เพื่อตีกัน เอาไว้ ทำเอาบิ๊กทหารในกองทัพบก-กองทัพภาคที่ 4 เลยต้องรีบตรวจสอบและปฏิเสธว่าไม่พบความผิดปกติอะไร

ทว่าสิ่งที่ ประชาธิปัตย์คิดว่างานนี้ตัวเองได้ก็คือ ทำให้บางฝ่ายที่กำลังคิดวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ ที่เตรียมออกอาวุธในช่วงเจ็ดวันสุดท้าย อาจหยุดชะงัก เพราะเกรงว่าจะโดนปูดข่าว-จับตามอง จนต้องล่าถอยออกไป ผลก็คือ ทำให้ประชาธิปัตย์มั่นใจมากขึ้นในการสู้ศึก เพื่อให้ได้ชัยชนะทั้งที่ชุมพรและสงขลา

สัญญาณความดุเดือดของการแข่งขัน ดูแล้วคง ยังไม่หมดแค่นี้ ให้จับตาดูกันไว้ อาจจะมีขึ้นอีกในสัปดาห์สุดท้ายนี้

อย่างล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็เกิดกรณีกับผู้สมัครของพรรคกล้าคือ “พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์” หรืออดีตผู้กำกับหนุ่ย-ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 1 ชุมพร ที่เปิดเผยกับสื่อในพื้นที่และทางพรรคกล้า ก็นำเสนอข้อมูลกับนักข่าวในส่วนกลางว่า เมื่อช่วงบ่ายของที่ 7 ม.ค. มีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถแห่หาเสียงของพ.ต.อ.ทศพล ที่ถนนเส้นชุมพร-ระนอง โดยเจ้าตัวบอกว่า เหตุการณ์ก่อกวนทำนองนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกป้ายหาเสียงถูกทำลาย ส่วนครั้งนี้มีการใช้อาวุธปืน

งานนี้ทำเอา “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคกล้า ถึงกับฉุนขาด จนระบุว่า หมาลอบกัด ไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ เป็นแนวการเมืองตกยุค

แม้จริงอยู่ว่า สนามเลือกตั้งซ่อมทั้ง 2 เขต ที่ชุมพรและสงขลา คนในพื้นที่ประเมินว่า สุดท้ายจะเป็นการแข่งขันกันระหว่าง “ประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐ” แต่จะพบว่า ผู้สมัครของพรรคกล้า ทั้งที่ชุมพรและสงขลา ก็ถูกมองว่า จะเป็น “ตัวแปร” ที่สำคัญ เพราะอาจทำให้เกิดการ “ตัดคะแนน” กันขึ้นตอนวันลงคะแนนเสียง ยิ่งกับอดีตผกก.หนุ่ย คนในพื้นที่รู้ดีว่า เจ้าตัวทำพื้นที่ เปิดตัวหาเสียงมานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้วด้วยซ้ำ ทำให้อดีตผกก.หนุ่ยและแกนนำพรรคกล้าบางส่วน ยังหวังอาจมีการพลิกล็อกเกิดขึ้น ถ้าช่วงโค้งสุดท้าย กระแสของตัวเองดีดขึ้นมา จุดนี้ก็น่าสนใจว่า หากคะแนนของคนจากพรรคกล้า เกิดได้มาระดับหนึ่ง ก็อาจจะไปตัดคะแนนใครบางคน จนทำให้ผลการเลือกตั้งสัปดาห์หน้า อาจพลิกผันในช่วงโค้งสุดท้ายได้

เพราะหากมองย้อนกลับไปตอนเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราช เมื่อ 7 มี.ค.2564  ที่ตอนนั้น พลังประชารัฐ เอาชนะประชาธิปัตย์มาได้ จะพบว่า “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ ได้ 48,701 คะแนน ส่วนอันดับ 2 “พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 44,632 คะแนน และลำดับที่ 3 “สราวุฒิ สุวรรณรัตน์” ผู้สมัครจากพรรคกล้า ได้ 6,216 คะแนน ซึ่งหากนำคะแนนของ พรรคกล้ามาบวกกับของประชาธิปัตย์ ก็จะได้ 50,848 คะแนน เท่ากับจะชนะพลังประชารัฐ ไปประมาณสองพันคะแนน

คะแนนของผู้สมัครจากพรรคกล้า ในการเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพรและสงขลา โดยเฉพาะที่ชุมพร จึงมีการประเมินกันว่า จะเป็นตัวแปรสำคัญอีกครั้งหนึ่งที่จะส่งผลต่อการเลือกตั้งได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมของพรรคกล้าที่ชุมพร คือสัญญาณที่ชัดเจนว่า การเลือกตั้งซ่อม ครั้งนี้ ดุเดือด เข้มข้นแน่นอน

ส่วนที่ “สงขลา” แม้จะยังไม่มีข่าวทำนองข่มขู่ทีมหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบที่ชุมพร แต่ข่าวว่า การแข่งขันก็ดุเดือดเข้มข้นไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะสองแคนดิเดตสำคัญ ที่เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี คือ “น้ำหอม-น.ส.สุภาพร กำเนิดผล” จากพรรคประชาธิปัตย์ กับ “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” พรรคพลังประชารัฐ

ที่ข่าวว่า สัปดาห์สุดท้าย ให้จับตาแกนนำทีมหาเสียงของทั้งสองพรรค เตรียมงัดกลยุทธ์การหาเสียงมาสู้กันอย่างเข้มข้น เพราะ “สุภาพร” อดีตรองนายกฯอบจ.สงขลา ก็คือภรรยาของ “เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ทำให้ “เดชอิศม์” หรือ “นายกฯชาย” ยังไง เมียตัวเองจะแพ้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเสียหน้าแย่ ทำให้เชื่อได้ว่า “นายกฯชาย” คงเทหมดหน้าตัก วางแผนหาเสียงสู้สุดตัว

ขณะที่ฝ่ายพลังประชารัฐเอง แม้ผอ.เลือกตั้งซ่อม จะเป็น “เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน แต่คนที่เป็นคนวางแผนการเลือกตั้งสู้กับนายกชายก็คือ อนุมัติ อาหมัด” อดีตสว.-นักธุรกิจใหญ่สงขลา ที่เป็นหัวหน้าทีมคุมพื้นที่เลือกตั้งสงขลาและสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้พลังประชารัฐ ซึ่ง “อนุมัติ” ก็คงไม่ยอมให้เด็กปั้นตัวเอง “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” แพ้เลือกตั้งเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ สนามเลือกตั้งซ่อมที่สงขลา ก็ดุเดือดไม่แพ้ชุมพร เช่นกัน

สัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง ข่าวคอนเฟริม์ว่า แกนนำพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ พร้อมจัด “ชุดใหญ่-แกนนำพรรค” ลงพื้นที่ ช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีของพรรค-ส.ส.-แกนนำพรรค

อย่างเมื่อวันศุกร์ที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา แกนนำพลังประชารัฐ คณะใหญ่ นำโดย “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ลงพื้นที่และขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย “ชวลิต อาจหาญ” หรือ “ทนายแดง” ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมของพรรคหาเสียง ที่สถานีรถไฟสวี อ.สวี จ.ชุมพร ที่พบว่าแกนนำพลังประชารัฐ ขนกันมาเพียบรวมถึงร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค

ขณะที่ “พรรคประชาธิปัตย์” ช่วงโค้งสุดท้าย พบว่าแกนนำพรรควางยุทธศาสตร์หาเสียงเน้นการจัดเวทีปราศรัยย่อย ทั้งที่ชุมพรและสงขลาเพื่อกระจายคนให้ไปถึงทุกพื้นที่ให้มากที่สุด แต่คาดว่า ช่วงโค้งสุดท้าย แกนนำพรรคอาจมีการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่อย่างน้อยจังหวัดละหนึ่งนัด ที่คาดว่าประชาธิปัตย์ ก็คงจัดหนักจัดเต็ม ขนแกนนำลงมาช่วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์” หัวหน้าพรรค “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา “บัญญัติ บรรทัดฐาน” อดีตหัวหน้าพรรค “นิพนธ์ บุญญามณี” รมช.มหาดไทย เป็นต้น

การขับเคี่ยวอย่างเข้มข้นของผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพรและสงขลาในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง แลเห็นชัดว่า จะเข้มข้น ดุเดือด อาจมีการพลิกไปพลิกมาได้ตลอด จนถึงวันสุดท้ายก่อนถึงวันลงคะแนนเสียงที่เรียกกันว่า “คืนหมาหอน” จนถึงแม้แต่กระทั่งตอนนับคะแนนเสียงหลังปิดหีบเลือกตั้ง

เพราะเมื่อเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี แพ้ไม่ได้ การสู้รบ จึงต้องออกอาวุธกันจนถึงนาทีสุดท้าย จึงทำให้ ยากต่อการประเมินได้ว่า สุดท้ายแล้ว ใครจะเป็นฝ่ายกุมชัยชนะทั้งที่ชุมพรและสงขลา

………………………………………..

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img