‘กมธ.ทหาร’ เรียก ‘กัน จอมพลัง’ แจงปมบริจาคเสื้อเกราะชายแดน ด้าน ‘วิโรจน์’ ชี้ กองทัพต้องตอบรับบริจาคยุทธภัณฑ์จากเอกชนได้อย่างไร ขณะที่ ‘รักชนก’ จี้ส่งเอกสารตรวจสอบจริงหรือไม่
วันที่ 30 ต.ค. 68 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน เป็นประธาน พิจารณาวาระการบริหารทรัพยากรกองทัพในเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเชิญ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เข้าชี้แจงผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
โดย นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ กล่าวว่าตนเองเพิ่งเห็นเอกสารเชิญเข้าประชุมเมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา แต่ก็มีการเตรียมหนังสือขอความอนุเคราะห์สนับสนุนแผงเกราะป้องกันกระสุนระดับ 4 จำนวน 2 ฉบับ ฉบับแรก 250 แผ่น ฉบับที่ 2 120 แผ่น เพื่อเตรียมกำลังพลและอุปกรณ์ให้พร้อมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายเอกราช จึงถามว่าทราบหรือไม่ว่าชุดเกราะเป็นยุทธภัณฑ์ ไม่สามารถรับบริจาคได้ กัน จอมพลัง ชี้แจงว่าตนเองไม่ได้เป็นคนซื้อ คนที่ทำเอกสารคือหน่วยงานและบริษัทที่ขอความอนุเคราะห์มาทางมูลนิธิ ซึ่งมูลนิธิจ่ายเงินให้กับบริษัทไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเอกสารในการซื้อ ตนเองจึงจ่ายเงินเข้ากับบริษัทอย่างเดียว ร้านเป็นผู้ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ และตนเองไปเข้าร่วมเฟรมเพื่อถ่ายรูปเท่านั้น
เมื่อถามแผงเกราะใช่ล็อตเดียวกับที่ไปถ่ายรูปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ ที่มีการสกรีนคำว่า “กัน จอมพลังช่วยสู้” ด้วยหรือไม่ และในเอกสารมีการระบุชื่อบริษัทว่าให้ไปซื้อจากบริษัทนี้ด้วยใช่หรือไม่ นายกัณฐัศว์ กล่าวว่าถูกต้อง ในเอกสารมีการเขียนชื่อบริษัท ส่วนการสกรีนข้อความ บริษัทเป็นผู้สกรีนให้เมื่อถามว่าจ่ายเงินซื้ออะไรไปได้รู้หรือได้เห็นบ้างหรือไม่ นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ทางมูลนิธิคงจะได้มีการพูดคุยกับหน่วยงาน คงมีการแจ้งว่าของเป็นแบบไหน มีราคาเทียบกันอย่างไร จะต้องเห็นอยู่แล้ว
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวต่อว่า กรณีนี้หากเราเชื่อตามเอกสารที่กัน จอมพลังแจ้งมาก็ต้องยอมรับว่ามูลนิธิหรือองค์กรใด ๆ เขาไม่มีทางรู้ เพราะภาวะศึกสงครามไม่ได้เกิดขึ้นเป็นนิจ เมื่อมีหนังสือประสานเข้ามาเป็นเรื่องปกติที่องค์กรหนึ่งจะไม่รู้ว่าครอบครองหรือซื้อยุทธภัณฑ์ไม่ได้ แต่เมื่อมีหนังสือตราครุฑเข้ามา เชื่อว่าทุกคนอยากจะช่วยสนับสนุนทหารก็มีการจัดซื้อไป ส่วนจะซื้อถูกซื้อแพงก็เป็นหน้าที่ของมูลนิธิและบริษัท แต่กรณีนี้จะต้องโฟกัสที่กองทัพว่าควรหรือไม่ที่จะขอรับบริจาคยุทธภัณฑ์ในการทำสงครามกับมูลนิธิต่าง ๆ โดยกรณีนี้เป็นประเด็นของกองทัพที่ไปขอรับบริจาคยุทธภัณฑ์จากภาคเอกชนได้อย่างไร คำถามดังกล่าวเป็นคำถามที่กองทัพควรจะตอบ

น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน กล่าวว่า ขอให้นายกัณฐัศว์ ส่งเอกสารที่กองทัพขอรับความอนุเคราะห์มาให้ กมธ.จะได้รู้ว่าเอกสารเหล่านั้นออกมาจากหน่วยงานราชการจริงหรือไม่ ทั้งหมดมีกี่รายการ มีหนังสือกี่ฉบับ เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่มาก ในงบประมาณมีการตั้งงบไว้ซื้ออยู่แล้วแต่กลายเป็นว่ามีการโยกงบเพื่อมาซื้อของเหล่านี้ซึ่งจะทำให้มีปัญหา เพื่อเป็นเกราะป้องกัน กัน จอมพลัง ควรส่งเอกสารมาให้ กมธ.เพื่อตรวจสอบว่าตรงกับข้อมูลของหน่วยงานราชการหรือไม่
นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ตนขอชี้แจงเรื่องการเข้าพื้นที่ ไม่ว่าพระหรือชาวบ้าน ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ไม่ได้เข้าไปสร้างปัญหา แต่มีการพูดคุยและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ขณะที่อุปกรณ์ต่าง ๆ จะมีการทักมาหาตนเองผ่านแอพพลิเคชันไลน์ เพื่อขอความอนุเคราะห์ เช่น โน๊ตบุ๊กที่จะใช้คำนวณการกดกระสุนใหญ่ เพราะของเดิมสภาพเก่า รวมถึงการสร้างถนนเข้าไปในพื้นที่ เข้าใจว่ากองทัพมีศักยภาพในการทำ แต่อาจจะติดปัญหาขั้นตอนการเบิดจ่ายงบ แต่ในส่วนของมูลนิธิคุยวันนี้อีก 2 วันก็สามารถดำเนินการได้เลย ย้ำว่าขออย่าให้การให้ข้อมูลของตนกระทบกับทหารชั้นผู้น้อย และ ถ้ามีโอกาสขอเชิญคณะกรรมาธิการไปดูพื้นที่หน้างานจริง บางฐานมีทหารอยู่ถึง 50-60 นาย แต่มีห้องน้ำใช้เพียงห้องเดียวซึ่งนายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ในเรื่องขอความอนุเคราะห์ให้ส่งข้อมูลมาที่ กมธ. นั้น ตนยินดี ไม่ติด หากทหารชั้นผู้น้อยไม่ได้รับผลกระทบ ตนเองก็ยินดี เพราะเจตนาของตนเองคือ ช่วยเหลือให้ทหารชั้นผู้น้อยอยู่ได้
นายเอกราช กล่าวว่า กมธ.ไม่ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยเดือดร้อนและสนับสนุนการปฎิบัติหน้าที่ของทหารชั้นผู้น้อยมาโดยตลอด จึงขออย่ากังวล การให้ข้อมูลไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เพียงแค่ กมธ.อยากได้ข้อมูลมาปฏิบัติในเชิงนโยบายเท่านั้น
นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ตนเองเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสไปทำงานที่บริเวณชายแดน หากมีโอกาสจะเชิญ กมธ.ไปหน้างานจริงเพื่อหาทางแก้ไข
นายจิรัฏฐ์ กล่าวย้ำว่า กมธ.ไม่ได้ตรวจสอบนายกัณฐัศว์ แต่ทำหน้าที่ตรวจสอบกองทัพ จึงอยากให้มีการส่งลิสต์รายการทั้งหมดที่มีการบริจาคไปยังกองทัพมาให้ กมธ.
นายวิโรจน์ กล่าวย้ำว่า เมื่อมีศึกสงครามเกิดขึ้น คนไทยต้องการสนับสนุนกองทัพ หากจะไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้น แก้ปัญหาให้ถูกจุดจะต้องซักซ้อมกับกองทัพว่าหากจะมีการบริจาคควรจะมีหลักเกณฑ์ ออกประกาศว่าของที่จะรับบริจาคมีอะไรบ้าง ของอะไรที่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ เช่น เสื้อเกราะ โดรน เรื่องนี้เป็นปัญหาเชิงระบบที่กองทัพไม่ได้กำหนดเกณฑ์ ส่วนความโปร่งใส มูลนิธิใดจะถูกต้องหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยู่นอกขอบเขตของ กมธ.ทหาร
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ต่อให้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์กี่ฉบับ การขอเรื่องอาหารแห้ง หรือการสนับสนุนของปากิณกะ หรือของสิ้นเปลือง การรับบริจาคจากมูลนิธิหรือภาคประชาชนสามารถทำได้ แต่เราห่วงเรื่องบริจาคยุทธภัณฑ์ที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นกองทัพจะต้องมีประกาศที่ชัดเจนว่าอะไรที่บริจาคได้หรือบริจาคไม่ได้ จึงขอประธาน กมธ.ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือกองทัพให้กำหนดหลักเกณฑ์การรับบริจาคจากภาคประชาชนและมูลนิธิให้ชัด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประชุม กมธ.พยายามจะถามคำถามนายกัณฐัศว์เพิ่มเติม แต่นายกัณฐัศว์ ระบุว่าจะขอจบการชี้แจง เพราะติดงานไลฟ์สดกับลูกค้า ทุก 5 นาทีจะมีลูกค้า จึงเกรงใจลูกค้า น.ส.รักชนก จึงถามว่านายกัณฐัศว์ ได้รับหนังสือขอความอนุเคราะห์ทั้งหมดกี่ฉบับ ถ้าครั้งต่อไปอยากจะเชิญมาให้ข้อมูลเรื่องนี้จะสะดวกวันไหน
ด้าน นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ถ้าไม่ติดคิวรับลูกค้า ไม่มีปัญหายินดี แต่วันนี้ทุกคนก็เห็นว่าตนเองทำมาหากิน มีลูกค้ามีการนัดคิว ถ้าไม่มีคิวแล้วจะวิดีโอคอลแบบนี้ก็ยินดี และหากทางทหารบอกว่าทหารชั้นผู้น้อยไม่ได้รับผลกระทบก็ยินดีเต็มที่ ตนเองเพิ่งทราบว่าต้องเข้าประชุมเมื่อเวลา 03.00 น. ทาง กมธ.เตรียมตัวมาหลายวัน แต่ตนเองไม่มีเวลาเตรียม ขอให้คิดดูว่ามันได้หรือไม่



















