“สามารถ ราชพลสิทธิ์” อดีตรองผู้ว่าฯกทม. ชี้ 3 ข้อ “ต้องทำ” อย่างรีบด่วน อย่าให้มีกรณี “หมอกระต่าย”เกิดขึ้นอีก
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นกรณีข่าวอุบัติเหตุสะเทือนขวัญ จนท.ตำรวจควบคุมฝูงชนรายหนึ่ง ขี่มอเตอร์ไซด์ความเร็วสูงชนแพทย์หญิงขณะกำลังข้ามสะพานลอยจนเสียชีวิต โดย ระบุว่า
อย่าให้มีกรณี “หมอกระต่าย” เกิดขึ้นอีก !
ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับความครัวของ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย ที่ถูกตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์ชนขณะข้ามทางม้าลายหน้าสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้หมอกระต่ายเสียชีวิต นับเป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะต้องหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดเช่นนี้อีก
1. สิ่งที่ต้องทำ
1.1 ใช้มาตรการทางกฎหมาย
ต้องเข้มงวดกวดขันการใช้กฎหมายจราจร หรือพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ที่หลายมาตราบัญญัติให้ผู้ขับขี่ขับรถด้วยความระมัดระวังเมื่อใกล้ถึงทางม้าลาย ต้องชะลอความเร็วของรถลง ไม่ว่าจะเห็นคนข้ามทางม้าลายหรือไม่ เพื่อให้ผู้ข้ามทางม้าลายปลอดภัย แต่เป็นเพราะความไม่เคารพกฎหมายของผู้ขับขี่บางราย ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ข้ามทางม้าลาย และเพราะความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมาย อุบัติเหตุรถชนคนข้ามทางม้าลายจึงเกิดขึ้นเป็นระยะๆ
1.2 ใช้มาตรการทางวิศวกรรมจราจร
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่ามีผู้ขับขี่บางรายไม่เคารพกฎจราจร ด้วยเหตุนี้ จะต้องใช้มาตรการบังคับให้เขาต้องชะลอความเร็วของรถลงก่อนถึงทางม้าลายให้ได้ เช่น ทำลูกระนาดชะลอความเร็วขวางถนนก่อนถึงทางม้าลาย เป็นต้น
1.3 อำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ข้ามถนนด้วย “สะพานลอยพร้อมลิฟต์หรือบันไดเลื่อน”
เหตุผลหนึ่งที่ผู้ข้ามถนนไม่นิยมใช้สะพานลอยข้ามถนนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ นั่นก็คือต้องเดินขึ้นบันไดสูงและชันหลายขั้น ทำให้เหนื่อยและเมื่อย ผู้สูงอายุบางท่านมีอาการปวดเข่า ปวดขา ทำให้ไม่สะดวกในการใช้สะพานลอย ด้วยเหตุนี้ กทม. ควรพิจารณาติดตั้งลิฟต์หรือบันไดเลื่อนแทนบันไดขึ้นสะพานลอย มีหลังคากันแดดกันฝน แม้จะใช้งบมากขึ้นก็ตาม แต่ก็คุ้มค่ากับการรักษาชีวิตคน
2. สิ่งที่ต้องไม่ทำ
มีบางคนคิดจะแก้ปัญหารถติดแบบง่ายๆ ด้วยการเสนอให้รื้อเกาะกลางถนนออกเพื่อเพิ่มผิวจราจร ผมขอบอกว่าแนวคิดนี้ไม่ได้ผลแน่นอน เนื่องจากในกรุงเทพฯ มีทางแยกมากมาย ซึ่งทำหน้าที่รองรับรถจำนวนมากจากทุกทิศทาง ทำให้มีปริมาณรถเกินความจุของทางแยก กว่าจะขับรถผ่านทางแยกได้ต้องใช้เวลานาน เป็นผลให้รถติด
ด้วยเหตุนี้ แม้จะเพิ่มผิวจราจรด้วยการรื้อเกาะกลางถนนออกก็ตาม แต่ถ้าไม่สามารถเพิ่มความจุของทางแยกได้ เช่น ไม่มีสะพานลอยข้ามทางแยก หรืออุโมงค์ลอดทางแยก รถก็ยังคงติดที่ทางแยกเช่นเดิม
ที่น่าเป็นห่วงอย่างมากก็คือการรื้อเกาะกลางถนนออกจะทำให้คนข้ามทางม้าลายไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง เพราะไม่มีที่ยืนรอเดินข้ามถนนอีกครึ่งหนึ่ง
3. สรุป
ผมขอเรียกร้องให้ผู้มีหน้าเกี่ยวข้องในการรักษาความปลอดภัยให้กับคนข้ามทางม้าลาย เร่งพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอข้างต้น และที่สำคัญ ต้องถือว่ากรณีหมอกระต่ายเป็นบทเรียนที่ประเมินค่าไม่ได้ อย่าปล่อยให้เป็นไฟไหม้ฟางที่จะจางหายไปกับกาลเวลา รีบลงมือตั้งแต่วันนี้เถอะครับ !