“ไพศาล” วิเคราะห์ 7 ปมเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ พปชร.พ่ายยับ ตอกย้ำ “บิ๊กตู่” ต้องคิดหนักจะไปทางไหน แนะ”ปชป.- ภท.” ยังจะหนุน “ประยุทธ์” สมัยหน้าต่อหรือไม่
วันที่ 31 ม.ค.65 นายไพศาล พืชมงคลนักกฏหมายอิสระ ได้โพสต์ Facebook ระบุว่า วิเคราะห์ผลเลือกตั้งเขต 9 หลักสี่
1.พรรคเพื่อไทยชนะขาดลอย สอดคล้องกับผลโพลอิสระตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยจะชนะแบบแลนสไลด์ นั้นเพราะเป็นผลมาจากความเป็นตัวแทนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
2.พรรคที่ประกาศจุดยืนชัดเจนไม่เอาพลเอกประยุทธ์ คือเพื่อไทย และก้าวไกล มีคะแนนเสียงรวมกันชนะ 3 พรรคที่ประกาศสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ คือ พปชร. กล้า และไทยภักดี ผลการเลือกตั้งจึงสะท้อนความต้องการของประชาชนเขตนี้ ว่าไม่เอาพลเอกประยุทธ์ เขต 9 หลักสี่ เป็นเขตที่เป็นตัวแทนของคนกรุงเทพฯ ได้ เพราะสภาพภูมิประชากร มีทั้งประชาชน และเขตทหาร มีทั้งคนกรุงเทพ และคนต่างจังหวัด มีทั้งคนมีฐานะดี คนชั้นกลาง และชาวชุมชน มีทั้งข้าราชการ และประชาชนทั่วไป มีคนหลายอาชีพ สภาพภูมิประชากรจึงสะท้อนความต้องการของคนกรุงเทพฯ ได้ไม่ไกลนัก ทำให้คาดหมายผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และผลเลือกตั้งครั้งหน้าได้ด้วย
3.พรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้งในลำดับที่ เหนือกว่า พรรคกล้า พปชร. และไทยภักดี ทั้งที่ใช้ทรัพยากรน้อยมาก ใช้การปราศรัยเป็นหลัก และการปราศรัยทุกครั้ง ไม่แตะต้องก้าวล่วงสถาบันเลย มุ่งนำเสนอปัญหาชาติในปัจจุบัน และสาเหตุของปัญหาว่าเกิดจากการรวบอำนาจ และสืบทอดอำนาจ ชัยชนะในหน่วยเลือกตั้งที่เป็นเขตทหาร สะท้อนถึงความตื่นตัวของทหารชั้นผู้น้อย และสะท้อนถึงการลงคะแนนโดยอิสระ สะท้อนถึงกองทัพไม่เป็นฝักฝ่ายทางการเมือง ที่สำคัญชัยชนะลำดับที่ 2 ของพรรคก้าวไกล สะท้อนถึงความต้องการการเปลี่ยนแปลง ที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความสนใจ เพราะแม้พรรคก้าวไกลจะถูกโจมตีอย่างหนักจากพวกขวาจัด มาอย่างยาวนาน แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความต้องการเปลี่ยนแปลงนั้นได้เลย จะส่งผลต่อการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และการเลือกตั้งใหญ่อย่างแน่นอน
4.คะแนนเสียงของพรรคกล้า คือคะแนนเสียงพื้นฐานของ ปชป. ย่อมส่งผลให้ ปชป. ต้องทบทวนท่าที และจุดยืนทางการเมืองว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป ผลจากการปราชัยจะทำให้พลเอกประยุทธ์ไม่ยอมให้พรรคกล้าเสนอชื่อเป็นนายกฯ อย่างแน่นอน
5.การปราชัยของ พปชร. คือความปราชัยของความนิยมพลเอกประยุทธ์ พิสูจน์การสร้างกระแสโดยโพลบางโพล ว่าไร้ค่า และไม่เป็นความจริง ที่สำคัญคือ พปชร. ต้องแบกรับผลที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลปัจจุบัน ทั้งที่หัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค และเหรัญญิกพรรคไม่มีกระทรวงครองเลย ผลจากการปราชัยจะทำให้ พปชร. ต้องคิดอย่างหนักถ้าหากจะเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ จึงเป็นไปได้ว่า พปชร. จะเสนอชื่อนายกฯ มากกว่า 1 คน
6.การปราชัย ย่อยยับของไทยภักดี เป็นบทพิสูจน์ว่า ประชาชนไม่ต้องการพวกขวาจัด แต่การพ่ายแพ้นี้ ไม่ได้หมายความว่าประชาชนไม่สนใจปกป้องสถานบัน หรือไมมีความภักดี และพิสูจน์ว่า ประชาชนเข้าใจดี ว่าการปกป้องสถาบัน และความภักดีนั้น เป็นสำนึกในจิตใจของประชาชน และเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนอยู่แล้ว ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเอามาใช้ในทางการเมือง เพราะสถาบันไม่เป็นฝักฝ่ายทางการเมือง ผลของการปราชัยจะทำให้พลเอกประยุทธ์ไม่ยินยอมให้พรรคไทยภักดีเสนอชื่อเป็นนายกฯ แน่นอน
7.ผลการเลือกตั้งเขต 9 หลักสี่ ย่อมทำให้ ปชป. และ ภท. ต้องทบทวนจุดยืนและท่าทีทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี
ดังนั้น ในการเลือกตั้งทั่วไป ปัญหาใหญ่ของพลเอกประยุทธ์ก็คือ จะยินยอมให้พรรคใดเสนอชื่อ หรือว่าจะพึ่งพาพรรคตั้งใหม่ ซึ่งยังไม่รู้รูปร่างหน้าตาว่าเป็นอย่างไร และจะมีฐานทางการเมืองจากที่ไหน?