ฝ่ายความมั่นคง จวกพวกเห็นต่างบิดเบือนข้อมูลขาวสาร ยุให้ผู้ร่วมชุมนุมไม่เกรงกลัวกฎหมาย และจงใจฝ่าฝืนละเมิดกฏหมาย อาญา มาตรา 112 ไม่ได้หายไปไหน แต่ยังอยู่และอาจต้องนำมาใช้เมื่อม็อบจาบจ้วงถึงขีดสุด ทั้งที่พยายามเลี่ยงแล้ว
เมื่อวันที่ 20 พ.ย. แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน และผู้เห็นต่าง ได้นําแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาขยายความโจมตีว่า เป็นการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ชุมนุมแบบเลือกข้างและสองมาตรฐาน เสมือนเป็นการประกาศสงครามกับประชาชน พร้อมทั้งบิดเบือนว่า การที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเท่ากับเป็นการเร่งให้ผู้ชุมนุมมุ่งเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันมากขึ้น ทั้งที่ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นข้อเรียกร้องหลักของกลุ่มตั้งแต่เริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องนี้ได้ถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย รวมถึงคนไทยส่วนใหญ่ จึงเชื่อได้ว่ามีเจตนาสื่อไปในทางชักจูงให้ผู้ชุมนุมเข้าใจผิดว่ารัฐบาลใช้กฎหมายเฉพาะกับผู้ชุมนุมโดยไม่ชอบธรรม ทั้งนี้ น่าจะมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อต้องการรักษาจํานวนผู้ร่วมชุมนุมไว้ และยุยงให้ผู้ร่วมชุมนุมไม่เกรงกลัวต่อการบังคับใช้กฎหมาย แนวโน้มคาดว่า แกนนํากลุ่มผู้ชุมนุมจะเร่งเคลื่อนไหวรณรงค์จูงใจให้มวลชนเข้าร่วมการชุมนุมมากขึ้นในวันที่ 25 พ.ย.นี้
“เรื่องของการพิจารณาใช้กฎหมาย มาตรา 112 ความจริงแล้ว กฎหมายยังคงมีอยู่ เพียงแต่นายกรัฐมนตรีไม่ให้ใช้ จะใช้กฎหมายดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ด้วย พรบ.ชุมนุมสาธารณะ และ พรบ.จราจรฯ เท่านั้น แต่เมื่อมีการจาบจ้วง จนเกินขอบเขต ก็จำเป็นต้องนำ มาตรา 112 มาดำเนินการกับกลุ่มผู้กระทำผิด เชื่อว่าตำรวจ ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฏหมาย จะยื่นฟ้องแกนนำหรือผู้ที่มีหลักฐานว่าชี้นำ ด้วย อาญา มาตรา 215 ซึ่งมีโทษหนักกว่า กลับไปติดคุกนานกว่าเดิม คงอีกไม่นานแน่นอนถ้าไม่หนีไปไหนก่อน ยืนยันว่าการดำเนินการด้านกฎหมายปฏิบัติกับทุกคนเท่าเทียมกัน” แหล่งข่าว กล่าว