“อาคเนย์-ไทยประกันภัย”ยื่นถอนฟ้องคปภ. ยุติคดีขอเลิกประกัน“เจอ จ่าย จบ”

อาคเนย์ประกันภัย-ไทยประกันภัยยื่นถอนฟ้องคปภ. ยุติคดีขอยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกประกันเจอ จ่าย จบ  ย้ำ 2 บริษัทฯ ยังไม่ได้รับการอนุมัติเลิกกิจการผู้เอาประกันเรียกร้องค่าสินไหมได้เหมือนเดิม 

นายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.ได้รับหนังสือจาก สำนักงานศาลปกครอง หลังจากผู้รับมอบอำนาจของ บมจ. อาคเนย์ประกันภัยและ บมจ. ไทยประกันภัย ยื่นถอนฟ้อง เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2565 ที่ผ่านมาศาลปกครองได้พิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 บริษัท ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีออกจากสารบบ มีผล1 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ทำให้ คดีความของ คปภ. กับ อาคเนย์ประกันภัย และไทยประกันภัย ยุติลง

ก่อนหน้านี้ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กับพวกยื่นฟ้อง เลขาธิการ คปภ. กรณีขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 (คำสั่งคปภ.) เรื่องให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 (ประกันภัยแบบเจอ จ่าย จบ)สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย ลงวันที่ 16 ก.ค. 2564

ส่วน บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 76 มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2565 บริษัทอาคเนย์ฯ ได้มีหนังสือยื่นคำขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยต่อ คณะกรรมการ คปภ. ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ. ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2565 มีมติรับคำขอเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัทอาคเนย์ฯ พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขฯ เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ผู้บริโภค ให้ปฏิบัติให้แล้วเสร็จ ก่อนเสนอคณะกรรมการ คปภ. เพื่อพิจารณาว่าจะอนุญาตให้เลิกกิจการหรือไม่

“ในระหว่างที่บริษัทยังไม่ได้รับอนุญาตให้เลิกกิจการจากคณะกรรมการ คปภ. บริษัทยังต้องประกอบธุรกิจตามปกติ ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทได้เช่นเดิม”  

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความเท็จบนสื่อออนไลน์เกี่ยวกับรายชื่อ Blacklist บริษัทประกัน (รถยนต์) ที่กลับมาแพร่ระบาดโดยการส่งต่อกันในโลกโซเชียลมีเดียอีกครั้งว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เคยเกิดขึ้นและเป็นข่าวมาแล้วหลายครั้ง โดยเมื่อปี 2557 และ 2563 สมาคมประกันวินาศภัยไทย และคปภ. ได้ร่วมกันชี้แจงข้อเท็จจริงและยืนยันว่าข้อความที่มีการส่งต่อกันนั้นไม่เป็นความจริง และได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าวและนำไปแชร์ต่อเพื่อไม่ให้เกิดการรับรู้ที่ผิด อีกทั้งบริษัทประกันภัยที่ได้รับความเสียหายจากข้อความที่ส่งต่อกันนี้ได้มีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่สร้างข่าวลือ และผู้กระทำผิดได้ออกมาแถลงข่าวขอโทษผ่านสื่อมวลชนแล้วนั้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่ายังคงมีประชาชนที่ได้รับข้อความดังกล่าวที่มีการส่งต่อกันมาและมีผู้หลงเชื่อส่งต่อข้อความดังกล่าวนั้นไปอีก สมาคมประกันวินาศภัยไทย จึงได้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดตามข้อความที่ได้มีการกล่าวอ้างถึงรายชื่อบริษัทประกันวินาศภัย และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่แท้จริง เพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่หวังดีนำไปใช้ในการกล่าวอ้างหรือหวังผลในทางที่ไม่ถูกต้องอีกต่อไป