“พล.ท.อดุลย์” ปกป้องทหารชายแดน ย้ำรับของบริจาคไม่ผิดระเบียบ – ขออย่าดึงกองทัพเล่นการเมือง

รมช.กลาโหมชี้ ทหารแนวชายแดนไทย–กัมพูชาทำงานภายใต้สถานการณ์ไม่ปกติ งบป้องกันชายแดนประจำปีไม่เพียงพอ ยืนยันการรับสิ่งของบริจาคเป็นความร่วมมือของคนไทยช่วยทหารปฏิบัติภารกิจ ย้ำ “ทหารไม่ใช่นักธุรกิจ สูญเสียอวัยวะเรียกคืนไม่ได้”

เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ศรีสมาน พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร เดินหน้าตรวจสอบการใช้งบประมาณของกองทัพ ภายหลัง นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” นำยุทธภัณฑ์และสิ่งของไปบริจาคให้ทหารตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า การป้องกันชายแดนเป็นภารกิจที่กองทัพต้องจัดกำลังและใช้งบประมาณทุกปี ซึ่งเพียงพอในภาวะปกติ แต่ขณะนี้สถานการณ์ชายแดนอยู่ใน “ขั้นที่ 2” มีการรุกล้ำและปะทะเป็นระยะ จึงต้องใช้งบมากขึ้นกว่าที่จัดสรรไว้

“งบประมาณที่อนุมัติในภาวะปกติ ไม่เพียงพอแน่นอน เมื่อมีประชาชนช่วยบริจาคสิ่งของ เติมน้ำมันให้รถทหาร หรือช่วยทำถนนให้เข้าไปถึงพื้นที่ได้เร็วขึ้น มันเป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องผิด” พล.ท.อดุลย์ กล่าว

เขากล่าวต่อว่า ทหารไม่ใช่นักธุรกิจที่เริ่มต้นใหม่ได้เมื่อขาดทุน แต่เมื่อสูญเสียอวัยวะจากการปฏิบัติหน้าที่ ย่อมไม่อาจเรียกคืนได้ ดังนั้น หากมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น บังเกอร์แข็งแรงหรือเสื้อเกราะที่ปลอดภัย ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ช่วยปกป้องชีวิตของกำลังพล

พล.ท.อดุลย์ ยังระบุว่า ขณะนี้ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำถนนเข้าสู่พื้นที่ชายแดนในเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทหาร พร้อมย้ำว่า “กองทัพบกมีงบประมาณอยู่แล้ว แต่ขั้นตอนราชการกว่าจะเบิกจ่ายได้ใช้เวลานาน บางโครงการต้องรอถึงสองปี หรือหากใช้งบกลางก็ต้องรออย่างน้อยห้าเดือน”

เขายืนยันว่า ที่ออกมาชี้แจงไม่ได้เพื่อปกป้องกองทัพ แต่เพราะเห็นใจทหารในพื้นที่ที่ต้องทำงานหนักท่ามกลางเสียงวิพากษ์จากสังคม พร้อมวอนฝ่ายการเมืองอย่าดึงทหารเข้าไปเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง

“อย่าเอาความมั่นคงซึ่งเป็นเสาหลักของชาติมาเล่นกันแบบนี้ กรรมาธิการก็ทำหน้าที่ของกรรมาธิการไป ส่วนคุณกันก็ทำหน้าที่ของคนรักชาติ ถ้าใครทำไม่ดีก็ตรวจสอบเป็นรายบุคคล อย่าเหมารวมทั้งกองทัพ” พล.ท.อดุลย์ กล่าวย้ำ

พล.ท.อดุลย์ ยังกล่าวถึงกรณีการรับบริจาคสิ่งของว่า ที่ผ่านมามักรับเป็นสิ่งของ ไม่ใช่เงินสด และเชื่อว่าผู้ที่ร่วมบริจาคมีเจตนาดีไม่มีวาระแอบแฝง พร้อมเปิดกว้างให้ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน “ใครโกงก็ต้องว่ากันไปตามคน”

พล.ท.อดุลย์ ยืนยันว่า กองทัพไม่ได้ขาดยุทธภัณฑ์ในภาวะปกติ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤต เช่น การปะทะชายแดน จำเป็นต้องมีถนน เสื้อเกราะ หรือบังเกอร์เพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยของทหาร พร้อมกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ถ้ามีคนเอามาให้ แล้วผมจะผิดระเบียบ — ผมก็ยอมผิดระเบียบ”