“จุรินทร์” เตือนกมธ. ป.ป.ช.สภาฯ ระวังจะกลายเป็นดีสเครดิตทางการเมือง ชี้การนำกระบวนการตรวจสอบที่ยังไม่มีข้อสรุปออกมาเปิดเผย ส่ออาจเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย เชื่อคนที่ติดตามการเมืองดูออกอะไรเป็นอะไร แนะพปชร.ดูแลองค์ประชุมสภาฯ
วันที่ 5 ก.พ.65 ที่พรรคประชาธิปัตย์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณี ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ถูก กมธ. ปปช.สภาฯตรวจสอบทรัพย์สินสมัยดำรงตำแหน่งอธิการบดีสจล.ว่า เรื่องนี้ความจริง ดร.เอ้ ก็ได้ตอบคำถามสื่อไปแล้วว่า พร้อมที่จะให้ตรวจสอบ และมั่นใจว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ตนเชื่อว่าผู้ที่ติดตามสถานการณ์การเมืองก็คงพอคาดเดาได้ว่าการยื่นเรื่อง หรือการดำเนินการของ กมธ. ปปช. ของสภาผู้แทนราษฎรในการดำเนินการนั้น ถ้า ดร.เอ้ ไม่ประกาศตัวเป็นผู้ว่าฯ กทม. เหตุนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นตนเชื่อว่าคนที่ติดตามการเมือง ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเป็นเรื่องทางการเมือง หรือไม่เป็นเรื่องทางการเมือง
“สิ่งที่ กมธ. จะต้องระมัดระวังก็คือ เรื่องของการที่ถ้ามีการดำเนินการก็จะต้องระมัดระวังในการนำรายละเอียดหรือกระบวนการตรวจสอบที่ยังไม่มีข้อสรุปออกมาเปิดเผย เพราะอันนี้เราก็ต้องระมัดระวังไม่ว่าจะเป็น กมธ.ชุดไหนก็ตาม เพราะอาจจะกลายเป็นเรื่องทางการเมือง และขณะเดียวกันก็เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายได้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
เมื่อถามว่าจะเป็นการใช้ตำแหน่ง ส.ส. ให้คุณให้โทษกับผู้สมัครพรรคอื่นหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่ขอไม่ตอบตรงนี้ แต่นี่คือสิ่งที่ตนเตือนว่าก็ต้องระมัดระวัง อย่าให้กลายเป็นการดิสเครดิตกันในทางการเมือง เพราะใน กมธ. ก็มีสมาชิกพรรคการเมืองหลายพรรคอยู่ในนั้น และแจ้งความจำนงที่จะเป็นคู่แข่งกับ ดร.เอ้ ด้วย
เมื่อถามว่าพรรคจะให้ฝ่ายกฎหมายเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับแจกแจงทรัพย์สินให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ดร.เอ้ ดูแลตัวเองได้ ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อถามถึงการประชุมสภาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มี ส.ส. ของพรรคส่วนหนึ่งที่ร่วมประชุมสภา แต่ไม่แสดงตน ได้มีการกำชับอย่างไรหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตรงนี้ทุกฝ่ายต้องระมัดระวัง อย่างน้อยที่สุดในส่วนของรัฐบาล ตนคิดว่าพรรคแกนหลัก คือ พรรคพลังประชารัฐจะต้องเป็นหลักเสียก่อน เพราะนั้นกระบวนการดำเนินการภายในของพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีความสำคัญมาก ตนไม่ได้ไปวิจารณ์อะไร เพียงแต่ขอให้ความเห็นในลักษณะที่ปรารถนาจะเห็นงานในสภา และในคณะรัฐบาลเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อย ราบรื่นและเป็นประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า การที่สภาล่มบ่อยๆ จะส่งผลเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองก่อนที่กฎหมายลูกจะสำเร็จหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ เพียงแต่มันก็ไม่ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อสภา และรวมทั้งในส่วนของพรรคการเมืองต่างๆ ที่เข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรด้วย และอาจมีผลกระทบไปถึงภาพลักษณ์ทางการเมืองของรัฐบาลด้วย ตนถึงเรียนว่าพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำก็จะต้องรีบกลับไปช่วยดูเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
