“หมอมนูญ” ยกแนวทาเปิดประเทศออสเตรเลียเป็นกรณีศึกษาที่ต้องเรียนรู้อยู่ร่วมกับโอมิครอนชี้ไม่มีทางเอาชนะได้และถึงเวลาเปิดประเทศให้มีคนเดินทางจากต่างประเทศเข้าประเทศไทยได้แล้ว
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 65 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ เป็นหัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC โดยระบุว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เคยประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคโควิด-19 ด้วยการล็อกดาวน์ ปิดประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 แต่หลังจากที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนอายุมากกว่า 16 ปีครบโดสร้อยละ 95
ก่อนหน้าที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศ ออสเตรเลียเปลี่ยนมาตรการควบคุมโควิดอย่างเข้มข้น เป็นการอยู่ร่วมกับโควิดเพื่อให้เศรษฐกิจ สังคมและการศึกษาเดินหน้าในเดือนธันวาคม พ.ศ.2564 ด้วยการผ่อนคลายมาตรการการบังคับใส่หน้ากากอนามัย รวมตัวกันได้ในเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ เปิดผับ เปิดบาร์ อนุญาตให้เด็กนักเรียนและนักธุรกิจจากต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศ แนะนำตรวจ ATK ที่บ้านเวลามีอาการ ถ้าผลบวกต้องรายงานรัฐ เลิกตรวจค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดกับคนติดเชื้อ
ออสเตรเลียมีประชากร 25 ล้านคน ก่อนหน้าคลายมาตรการล็อกดาวน์มีผู้ติดเชื้อประมาณ 210,000 คน เสียชีวิต 2,000 คน หลังเปิดประเทศในต้นเดือนธันวาคม 2564 ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 2,750,000 คน (ดูรูป) เสียชีวิต 4,200 คน วันที่ 13 มกราคมปีนี้ ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อสูงสุด/วัน 150,000 คน แต่คนป่วยหนัก เสียชีวิตไม่มาก ระบบสาธารณสุขยังรองรับไหว
ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อรายวันลดลงเหลือ 23,000 คน (ดูรูป) การระบาดระลอกใหม่ของสายพันธุ์โอมิครอนไม่นำไปสู่การล็อกดาวน์อีกครั้ง การล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลทำให้จีดีพีประเทศออสเตรเลียลดลงมากกว่า 20%
ประเทศออสเตรเลียยืนยันที่จะเปิดประเทศต่อไป กำลังอนุญาตให้นักเดินทางจากทุกประเทศที่มีประวัติฉีดวัคซีนครบโดสเข้าประเทศได้ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาล
ประเทศไทยควรศึกษาแนวทางการเปิดประเทศจากออสเตรเลีย เราต้องเรียนรู้การอยู่ร่วมกับโรคโควิด-19 เชื้อสายพันธุ์โอมิครอนติดกันง่ายมาก ไม่ช้าก็เร็วคนไทยเกือบทุกคนจะได้รับเชื้อ เราไม่มีทางเอาชนะเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้ ถึงเวลาเราควรจะผ่อนคลายมาตรการต่างๆให้มากกว่านี้โดยเฉพาะนักเดินทางจากต่างประเทศ สำหรับมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือยังคงไว้ต่อไปก่อน