ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 33.73 จุด ตามตลาดหุ้นโลก หลังรัสเซียเปิดฉากถล่มยูเครน แม้ว่าจะมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน-รพ.หนุนแต่ไม่สามารถต้านทานได้ จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ1,662.72 จุด ลบ 33.73 จุด หรือ 1.99 %โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,690.50 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,656.62จุดด้วยมูลค่าการซื้อขาย 126,557.78 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยร่วงยกแผง ตามตลาดหุ้นโลกที่ส่วนใหญ่เข้าสู่แดนลบ หลังจากนาย วลาดิมีร์ ปูติน ประธาธิบดีรัสเซียประกาศกร้าวเปิดฉากสงครามบุกยูเครน ส่งทหารยึดแคว้นดอนบัสในยูเครน โดยตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าลงหนักสุด 40 จุด และปิดตลาดบ 33.73 จุดถือเป็นการลบมากสุดในปีนี้ ส่วนมูลค่าการซื้อขายเป็นอันดับ 2 ของปีนี้
สำหรับหุ้นที่กดตลาดในวันนี้เป็นกลุ่มท่องเที่ยว เช่น AOT ลง2.3% ธนาคารพาณิชย์เช่น KBANK ลง 3.26% SCB ลง 3.09% ส่วนหุ้นที่พยุงตลาดเป็นกลุ่มน้ำมันเช่น PTT บวก 2.6% PTTEP 3.5 % และโรงพยาบาล เช่น BDMS 2.6 % BH 3.3 %ส่วนปัจจัยที่ติดตามคือสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะขยายพื้นที่รุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ถ้าเพิ่มขึ้นอาจทำให้ตลาดหุ้นโลกและหุ้นไทยร่วงต่อ
” ปัญหารัสเซีย-ยูเครนเกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนพ.ย.64 ต่อเนื่องมาถึงก.พ.นี้ ซึ่งถือว่าเป็นจุดClimax แล้วหลังจากนี้คาดว่าจะผ่อนคลายดีขึ้น ส่วนผลกระทบต่อไทยคาดว่าจำกัด เนื่องจากการค้าไทยกับรัสเซียมีสัดส่วนเพียง 0.8% นักท่องเที่ยวสัดส่วนเพียง 3.7%ขณะที่บริษัทจดทะเบียนไม่มีบริษัทไหนทำค้าขายกับรัสเซียโดยตรง ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อกำไรบจ. และเศรษฐกิจจำกัด”
อย่างไรก็ตาม จากการประกาศงบบจ.ไตรมาส 4/64 จำนวน 147 บริษัท มาร์เก็ตแคปประมาณ 59%ของตลาดฯพบว่า กำไรเติบโต 27% QOQ เติบโต 37 %YOY ทั้งนี้ในช่วงดัชนีปรับตัวลงสู่ระดับ1,650-1,670 จุด เป็นช่วงที่สะสม นอกจากนี้ขอให้นักลงทุนอย่าตื่นตะหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าหากสถานการณ์คลี่คลายตลาดหุ้นจะกลับคืนมาเหมือนเดิม
