“สมเจตน์” ลั่นกลางสภาฯ ไม่รับร่างกม.พรรคการเมือง เสนอโดยส.ส.-ฝ่ายค้าน-รัฐบาล ซัดขัดหลักการรธน.-ขวางการมีส่วนร่วมของปชช. ด้าน “เสรี” ยันเขียนพ.ร.ป. ไม่มีอคติ โทษนักการเมืองไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง
วันที่ 25 ก.พ. 65 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่… ) พ.ศ…. จำนวน 6 ฉบับ ต่อเป็นวันที่สอง
ต่อมาพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. กล่าวว่า ตนจะไม่รับหลักการร่างพ.ร.ป.ที่เสนอโดยส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวม 5 ฉบับ เนื่องจากมีเนื้อหาที่เกินเลยไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แก้ปัญหาการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของพรรคการเมืองเพื่อให้การกระทำนั้นชอบ ขัดขวางการมีส่วนร่วมของสมาชิกที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ขัดขวางการพัฒนาพรรคการเมือง ให้เป็นของประชาชน เป็นสถาบันทางการเมือง แต่จะรับหลักการเพียงร่างพ.ร.ป.ของครม.เพราะมีหลักการสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่1) พ.ศ.2564
“พรรคการเมืองกล่าวอ้างว่าการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยให้สมาชิกพรรคร่วมคัดเลือก นั้นทำไม่ได้จริง เสียค่าใช้จ่าย ผมมองว่าคือการทำลายคุณค่า และระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นในฐานะผู้ร่วมยกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับปัจจุบัน ต้องการสร้างพรรคการเมืองให้ประชาชนมีส่วนร่วมแท้จริง โดยเฉพาะการคัดเลือกผู้สมัคร จึงออกแบบให้มีรายได้ของตนเอง เพื่อพ้นจากการครอบงำของนายทุน มีทุนประเดิมจากผู้ริเริ่ม รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขไม่ให้คนนอกพรรคถูกครอบงำ ผมยืนยันว่าเจตนาของการทำกฎหมายลูกไม่ใช่มุ่งเพื่อทำลายพรรคการเมือง กรณีที่ส.ส.เสนอแก้ไขกฎหมาย อาจทำให้ย้อนไปสู่วิกฤตการเมืองอีกครั้ง โดยเฉพาะแก้ไขเกินเลยกว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 83 ที่มีคำถามว่าจะทำได้หรือไม่”พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวต่อว่า ขอฝากข้อคิดไปยังส.ส. ด้วยว่า พรรคการเมืองเป็นองค์กรสำคัญในระบอบประชาธิปไตย รับมอบอำนาจจากประชาชนไปทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ และบริหารราชการแผ่นดิน แก้ไขปัญหาสังคมที่ซับซ้อน เพื่อประโยชน์สุขประเทศ ประชาชน จึงน่าคิดว่าการปฏิบัติของพรรคการเมือง ต้องการปฏิบัติแบบง่ายๆ ทั้งจัดตั้งพรรค จัดตั้งสาขา คัดเลือกผู้สมัครง่ายๆ ดังนั้นพรรคการเมืองจะเข้าไปรับผิดชอบแก้ไขปัญหาชาติที่ซับซ้อนได้อย่างไร
ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศด้านการเมืองที่ตนมีส่วนร่วมฐานะสมาชิกสภาขับเคลื่อนสภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) พบปัญหาการเมืองว่าด้วยพรรคการเมืองถูกนายทุนครอบงำ และในการทำงานของ สปท. มีนักการเมืองหลายคนร่วมคิดถึงการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการซื้อตัวประชาชนให้เป็นสมาชิกพรรค, นายทุนออกค่าบำรุงพรรคแทนประชาชน และที่ผ่านมามีข้อพิจารณาว่า หากมีการลงทุน 2 หมื่นล้านสามารถซื้อประเทศได้ โดยให้ ส.ส.400 คน ลงทุนคนละ 50 ล้านแต่ละเขต มีโอกาสเป็นส.ส.ใช้อำนาจบริหารประเทศ จึงมีข้อเสนอให้ใช้วิธีแก้ไขโดยการเลือกตั้งขั้นต้น หรือไพรมารี่โหวต เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม ดังนั้นจึงเป็นวิธีแก้ปัญหาไม่ใช่ทำให้พรรคการเมืองทำงานลำบาก
“5 ปีที่กฎหมายใช้ แต่ทำไม่สำเร็จ เพราะพวกเราไม่ยอมเปลี่ยนแปลง หากมีความตั้งใจสามารถทำได้ แต่ปัจจุบันไม่ให้ความสำคัญ เช่นการตั้งสาขาพรรค จึงบอกว่ายุ่งยาก แต่ความจริงไม่ยุ่งยาก หากต้องการให้ประชาชนเลือกตัวแทนในเขตหรือพื้นที่ เป็นผู้สมัคร ส.ส. สามารถแก้ปัญหาลงทุน หรือ ธุรกิจการเมือง อย่างไรก็ดีผมเชื่อว่าไม่มีนักการเมืองคนไหนอยากซื้อเสียง แต่คนดีไม่มีคะแนน จึงเกิดคืนหมาหอน” นายเสรี กล่าว และยืนยันว่า การเขียน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ได้มีอคติ หากไม่ยอมเปลี่ยนแปลง และต้องการย้อนกลับไปสู่ปัญหาเก่า ตนจะรับแค่บางร่างเท่านั้น