เห็นภาพพระภิกษุ-สามเณรตั้งใจสอบบาลี อันเป็นแก่นแท้ของพระพุทธพจน์ในช่วงเวลานี้แล้ว “ชื่นใจ” ซ้ำการสอบบาลี 3 วันนี้ ก็อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีทั่วประเทศ
ชาวพุทธควรภูมิใจ..สิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราได้รับ
การสอบบาลีเป็นเรื่องยาก “เปรียญสิบ” เคยผ่านการเรียนระบบนี้มาก่อน ต้องยอมรับว่า เรียนยาก ผ่านยาก กว่าการเรียนทางโลกมาก
ระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ชิดซ้าย..
ต้องใช้ความพยายามมาก ต้องใช้ความตั้งใจมาก แม้ใครจะมองว่า การเรียนบาลี ไม่สามารถนำมาใช้ในการประกอบอาชีพได้..
แต่หากยังน้อยก็พอเป็นบันไดให้พระหนุ่ม-เณรน้อย ไต่ขึ้นไปเรียนต่อทางโลกหรือวิชาชีพอื่น ๆ ได้
หรือหากจบเปรียญธรรม 9 ประโยค ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งก็เปิดให้สอบการแข่งขันได้ เช่น บรรดาพวกอนุศาสตร์ทั้ง 3 เหล่าทัพและกรมราชทัณฑ์
หรือ..หากจะอยู่ต่อในผ้าเหลืองต่อ..ก็เป็นกำลังให้แก่พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ได้
เว้นบางรูป..ซึ่งเป็นส่วนน้อย
ยุค “เปรียญสิบ” เป็นนักเรียนบาลี ตอนนั้นยังไม่เปิดโอกาสให้ฆราวาสมาเรียนมาก อาจมีประปราย “แม่ชี” อาจมีบ้าง แต่ “ฆราวาส” น้อยมาก วัดได้ทั้งตอนเรียนและตอนสอบ
ไม่เหมือนยุคนี้ “ฆราวาส” มาศึกษาบาลีกันมาก สนใจเรียนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนากันมาก
เป็นสิ่งที่ “น่าชื่นชม”
เพราะหวังฝากพระพุทธศาสนาไว้กับ “คณะสงฆ์” อย่างเดียว ท่ามกลางสิ่งหลอกล่อใจ ท่ามกลางยิ่งยั่วยุให้เกิดกิเลสมากขนาดนี้
ศาสนาของ “พระสมณโคดม” คงยั่งยืนและถาวรตั้งมั่นได้ในประเทศไทยลำบาก
เดียวนี้คนจำนวนมากมองว่า ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาในไทย ไม่น่าจะมั่นคงแล้ว เพราะเจริญแต่ทางวัตถุ มีแต่วัดสวยงาม
แต่ผู้คน ไม่ค่อยหันมาสนใจหลักธรรม ปฎิบัติธรรมเหมือนกันประเทศพม่าหรือศรีลังกา
แม้จำนวนวัดหรือพุทธศาสนิกชนน้อยกว่าไทย
แต่ “วัตรปฎิบัติ” ของพุทธศาสนิกชนในประเทศ ๆนั่น ดูแล้ว “เข้าถึง” พระพุทธศาสนามากกว่าไทย
ของไทยมีแต่หลอก ๆ บางคนบางรูปหลอกคนอื่นว่า “ตัวเองดี ตัวเองของจริง พระจริง คนดีจริง”
หลอกคนอื่นจนหลงว่า ตัวเองเป็นคนดีจริงก็มีเยอะ!!..
………………………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย….“เปรียญสิบ” : [email protected]