”ณัฏฐพล”ย้ำใส่เครื่องแบบนักเรียนช่วยบ่มเพาะนิสัยยอมรับการอยู่ร่วมกัน ซัดไปรเวทเป็นเรื่องของแฟชั่นและสร้างความแตกต่าง
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ผมวางแนวทางตั้งแต่มารับตำแหน่งตรงนี้ว่า กระทรวงศึกษาธิการมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาทั้งระบบ ด้วยการเพิ่มความรู้ ทักษะ และสมรรถนะของบุคคล โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างทุนมนุษย์ที่มีศักยภาพต่อการพัฒนาของประเทศเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนรับรู้ได้จากนโยบายที่ได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้และสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่
อย่างที่เคยได้ชี้แจงไปหลายครั้งว่าตั้งแต่วันแรกที่น้องๆ ออกมาเรียกร้องหลายๆ เรื่อง ก็ได้การตั้งคณะกรรมการพิจารณาข้อเรียกร้องของนักเรียน โดยมี ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะจากภาคส่วนต่างๆ รวมถึงน้องๆ นักเรียนด้วย หลายๆ ข้อเรียกร้องกำลังจะได้ข้อสรุป ขาดก็เพียงการรับฟังจากผู้ที่ต้องนำมาปฏิบัติจริงจากข้อสรุปจากมติที่ประชุม ซึ่งเป็นความจริงที่ว่าการจะออกนโยบายต่างๆ มานั้นต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ระยะเวลา ความพร้อมในการปฏิบัติ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพียงจากแรงกดดันของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ เรามีกระบวนการในการรับฟังและการตัดสินใจที่เหมาะสม
เรื่องของเครื่องแบบนักเรียน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการการศึกษา ที่ต้องการให้เกิดความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งไม่ว่าน้องๆ จะเป็นใคร มาจากครอบครัวไหน หรือมีฐานะอย่างไร ก็จะอยู่ในกรอบกฎกติกาและบริบทของโรงเรียนนั้นๆ อย่างเท่าเทียมกัน
ต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้เครื่องแบบนักเรียนถือเป็นเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับนักเรียน เหมือนเครื่องแบบของคุณหมอ ที่มีเสื้อกาวน์ ซึ่งเป็นการบ่งบอกอาชีพ หรือแสดงถึงสถานะ แม้แต่ชุดข้าราชการครู ทหาร ตำรวจ พนักงานธนาคาร พนักงานบริษัท หรือแม้แต่สื่อ ก็ยังมีเครื่องแบบของตัวเองที่บ่งบอกถึงอาชีพ หรือต้นสังกัดสำนักงานของหน่วยงาน องค์กร หรือบริษัท
ซึ่งผมถือว่า เป็นเครื่องแบบที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับบุคคลที่สวมใส่ เช่นเดียวกับน้องๆ ชุดนักเรียนก็เป็นการแสดงออกถึงสถานะของความเป็นเด็กนักเรียน และเป็นเรื่องของการบ่มเพาะลักษณะนิสัยของการสร้างความมีระเบียบวินัย การยอมรับในกฎกติกาของการอยู่ร่วมกัน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม มิฉะนั้น การแต่งชุดไปรเวทจะกลายเป็นเรื่องของแฟชั่น และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความแตกต่างให้เกิด
นอกจากนี้ ยังมีผลโพลที่เป็นการสำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครองทั่วประเทศทางออนไลน์ ยืนยันว่า 61% ยังต้องการให้มีชุดยูนิฟอร์มของเด็กนักเรียน และมีผู้ปกครองถึง 47% คิดว่า หากให้ใส่ชุดอะไรก็ได้ไปโรงเรียน จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น และสร้างความกดดันให้กับผู้ปกครองในการใช้จ่ายเพื่อซื้อเสื้อผ้าที่เพิ่มมากขึ้น และมีถึง 75% ที่คิดว่าจะทำให้เกิดการ Bully เกี่ยวกับการแต่งกายที่เพิ่มขึ้น
ผมฟังเสียงเรียกร้องจากน้องๆ ทุกเรื่อง แต่ผมก็ต้องฟังเสียงจากทุกๆ ฝ่าย เรื่องไหนที่ทำให้เกิดพัฒนาการทางการศึกษา ผมดำเนินการทันทีทุกเรื่องตามความเหมาะสมครับ ไม่ว่าพรุ่งนี้น้องๆ จะแต่งชุดอะไรออกมาจากบ้าน ผมอยากให้น้องๆ รับข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบด้านในการตัดสินใจ เพราะอย่างไรแล้วการอยู่ร่วมกันนอกจากสิทธิและเสรีภาพแล้ว เรื่องของหน้าที่และกติกาของสังคมก็จะต้องพึงมี เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขครับ รออีกนิดครับ ข้อสรุปจากมติและการฟังเสียงของผู้ปฏิบัติใกล้เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะให้ถูกใจทุกคนคงเป็นไปไม่ได้