“กุลิศ” มอบนโยบาย 3 การไฟฟ้าเดินหน้าลงทุนระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้าให้ทันสมัยรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่สูงขึ้นมุ่งสู่ Carbon Neutrality ในปี 93 พัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าเป็น แพลทฟอร์มเดียวกันส่งเสริมใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
นายกุลิศ สมบัติศิริ ประธานกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ได้จัดประชุมบูรณาการการลงทุนและการดำเนินงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้า ระหว่าง การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เนื่องจากไทยเดินหน้าเปลี่ยนผ่านพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่ยุค Renewable Energy (RE) หรือ ยุคพลังงานสีเขียว (Green Energy) ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทาย จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานด้านพลังงานไฟฟ้าทุกภาคส่วน
ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงาน 3 การไฟฟ้า ได้วางแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ 3 การไฟฟ้าตามแผนปฏิรูปประเทศด้านไฟฟ้า ภายใต้การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารกิจการไฟฟ้า โดยเฉพาะแผนการพัฒนาระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มสูงขึ้น และรองรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า การติดตั้ง Solar Rooftop ในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการนำระบบสมาร์ทกริดเข้ามาใช้งานในอนาคต
นอกจากนี้ได้คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งถือเป็นการบูรณาการการลงทุนร่วมกันระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยอย่างมีเอกภาพ ทำให้การลงทุนเกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เกิดความซ้ำซ้อนในทุกมิติ เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศให้มีความมั่นคงและรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Green Energy ในอนาคตอย่างยั่งยืน และสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593) ตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย
ส่วนแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของประเทศไทย รูปแบบและการดำเนินการด้าน Grid Modernization การบูรณาการข้อมูลด้านพลังงาน โดยการจัดตั้งศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติ (National Energy Information Center : NEIC) ของกระทรวงพลังงาน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถใช้ประโยชน์ข้อมูลร่วมกัน ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) อย่างเต็มรูปแบบ
รวมทั้งยังได้เสนอให้มีการดำเนินธุรกิจร่วมกันเพื่อให้เกิดการพัฒนาในภาพรวม เช่น การร่วมมือในการพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้า EV Charging Station ของ 3 การไฟฟ้าให้เป็นแพลทฟอร์มเดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และการร่วมทุนจัดตั้งบริษัทกำจัดซากแบตเตอรี่ นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอแผนเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉินในระบบไฟฟ้าในสถานการณ์วิกฤติพลังงานอีกด้วย