“หมอชลน่าน”ลั่นหมดเวลารัฐบาล “ประยุทธ์” อยู่ต่อ แนะประชาชนทวงคืนอำนาจตัวเอง ยันฝ่ายค้านไม่แตกแยก เพราะมีเป้าหมายใหญ่ร่วมกันโค่นผู้ใช้อำนาจนอกรธน.
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 65 ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท มีการจัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ 2565 “ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทยเพื่อประชาชน” จัดโดยกลุ่มงานผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปาฐกถาพิเศษ ตอนหนึ่ง ว่า ขอบคุณพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคที่มาร่วมเวทีในวันนี้ ซึ่งเกิดจากภาษีอากรของพวกเราทุกคน ที่เปิดโอกาสให้ผู้นำฝ่ายค้านพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้พบปะฟังความคิดความเห็นและข้อเสนอของประชาชนในการทำหน้าที่แทนประชาชนเป็นผู้แทนประชาชนในสภาผู้แทนราษฎรในรัฐสภา โครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชนครั้งนี้ เราใช้ชื่อทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน หมดเวลานายกรัฐมนตรีก่อนหมดเวลาประเทศ เป็นการทวงคืนอำนาจของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับหน้าที่และบทบาทของผู้นำฝ่ายค้าน
หน้าที่สำคัญของฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายค้าน สิ่งที่เรารับรู้ว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ได้ใช้อำนาจพิเศษในการออกกฎหมายเอง นำมาบริหารเอง และตีความกฎหมายเอง นี่คือลักษณะของการเป็นอำนาจของคนกลุ่มหนึ่ง ผู้หนึ่ง คณะหนึ่งที่ใช้กฎหมายขัดหรือแย้งต่อระบอบการปกครองประชาธิปัตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งที่อำนาจบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการแยกกันอย่างชัดเจน มีการทำให้ฝ่ายรัฐบาลได้โอกาสได้เปรียบอยู่ตลอดเวลา แต่ฝ่ายค้านอย่างเราก็จะมีการตรวจสอบถ่วงดุลไปในทิศทางตรงกันข้าม วันนี้จึงเป็นกลไกหนึ่งที่พวกเราจะรับฟังความเห็นจากประชาชน มาฟังเสียงประชาชนที่แท้จริงที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้อยากให้พี่น้องประชาชนทวงคืนอำนาจของตัวเอง ในวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะครบ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ ซึ่งเรื่องนี้ในการตรวจสอบควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สิ่งที่ฝ่ายค้านเราต้องทำ ต้องชี้ให้เห็นได้ว่าคนที่ไม่มีคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้าม จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ จึงต้องมารับฟังจากประชาชน พวกเราฝ่ายค้านเองเห็นว่านายกฯจะอยู่รวมกันเกิน 8 ปี ไม่ได้ เพราะจากการบริหารประเทศประชาชนต้องพบความทุกข์ยากแสนสาหัสในทุกมิติ วิกฤติจากโรคระบาด รัฐบาลไม่เคยแสดงความสามารถในการแก้ไข รัฐบาลยินยอมที่จะประกาศโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่นในเดือน ก.ค. รัฐบาลนี้เก่งในแง่ที่ทำให้คนเท่าเทียมกันหมด ยุทธศาสตร์ชาติรัฐบาลคือปิดหน้าเท่าเทียมกัน จนกระทั่งทุกคนซื้อของแพงเท่าเทียมกัน เก่งมากแต่เป็นการเก่งในทางลบและเป็นวิกฤต หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะเพิ่มจากการที่รัฐบาลชุดนี้ก่อขึ้น จึงเป็นเหตุอันสมควรที่ต้องจัดงานใรครั้งนี้
ทั้งนี้หลายคนมองว่าทำไมพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงมีความเห็นขัดแย้ง และเห็นไม่ตรงกันหลายเรื่อง ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านกลับมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่เกิดจากฐานรากของสังคมหรือครอบครัวคือความเห็นต่าง ถ้าครอบครัวไหนสามารถพูดความเห็นต่างได้ก็มีข้อสรุปได้ ไม่ว่าจะเป็นสามี ภรรยา ลูก สามารถพูดความเห็นต่างและมีข้อสรุปได้นั่นคือการเริ่มต้นสังคมประชาธิปไตย ฝ่ายค้านมีเป้าหมายร่วมกันอย่างชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องย้ำก็คือว่า วิธีปฏิบัติของแต่ละพรรคการเมือง เราให้เกียรติให้โอกาสกัน เพราะเราไปละเมิดสิทธิของท่านตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญไม่ได้ ทุกพรรคมีสิทธิที่จะแสดงความคิดความเห็นกำหนดวิธีการทำหน้าที่ จึงทำให้มีความหลากหลายในเชิงปฏิบัติ เพื่อไทยไปซ้าย ก้าวไกลไปขวา เสรีรวมไทยอาจจะเป็นตรงกลาง ประชาชาติอาจจะซ้ายสุด ซึ่งเรื่องเหล่านี้เรายอมรับซึ่งกันและกัน สุดท้ายเราเอาสิ่งเหล่านั้นมาวางและขอความเห็นร่วมว่าเราจะกำหนดทิศทางร่วมกันอย่างไร ยืนยันว่าเราไม่ได้มีความเห็นขัดแย้ง แต่ความเห็นต่างมีเยอะแน่นอน เป็นสีสันในการกระตุ้นให้คนได้มีวิพากษ์วิจารณ์ร่วมกัน ฝ่ายค้านเป็นอิสระเราอยากให้แต่ละพรรคทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด